Vitamin B3 หรือ Niacinamide ถือได้ว่าเป็นวิตามินอีกตัวหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับการบำรุงผิวมากตัวหนึ่ง ซึ่งเห็นได้จากการที่มีผลิตภัณฑ์บำรุงผิวรักษาสิว และจุดด่างดำจากสิวหลายตัวผสมมีส่วนผสมของ Vitamin B3 เข้าไป ซึ่งโดยทั่วไปหลายคนก็อาจจะไม่รู้ว่า ตกลงแล้ว Vitamin B3 มันช่วยเรื่องอะไร เหมาะกับการบำรุงผิวหรือไม่ วันนี้ เราจึงได้นำข้อมูลดีๆที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Vitamin B3 มาฝากทุกคนกัน
มาดูกันเลยดีกว่าว่า Vitamin B3 หรือ Niacinamide คืออะไร?Niacinamide อยู่ในกลุ่ม Vitamin B รู้จักกันในชื่ออื่นว่า Vitamin B3 หรือ Nicotinamide เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ ถือเป็น Co-Enzyme ที่สำคัญในกระบวนการเผาผลาญสารอาหารเพื่อให้พลังงานแก่ร่างกาย และทำหน้าที่สังเคาะห์ไขมัน มีความคงตัวสูงต่อความร้อนและออกซิเจน ถูกค้นพบในตันศตวรรณที่ 20 โดยนำมาใช้ป้องกันโรคผิวหนังชนิดหนึ่งคือ โรค Pellagra ชื่อดั้งเดิมของ Niacinamide คือ Vitamin PP มาจาก Pellagra-Preventive Vitamin B3 เป็นวิตามินที่มีความจำเป็นของร่างกายตัวหนึ่ง เราสังเคราะห์เองไม่ได้ต้องรับเข้าสู่ร่างกายด้วยการกินและการทาครีมต่างๆ โดยส่วนใหญ่เราจะได้รับ Vitamin B3 จากอาหารที่เรากินอยู่แล้ว เช่น เนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ ลำข้าว ยีสต์ ธัญญาพืชต่างๆ อีกทางหนึ่งก็จะรับมาจากการทาครีมที่ผสมVitamin B3 เข้าไป
- Niacinamide Vitamin B3 กับการบำรุงผิว
- Niacinamide Vitamin B3 กับการชลอริ้วรอย
- Niacinamide Vitamin B3 กับการทำให้ผิวขาว มีสีผิวสม่ำเสมอ
- Niacinamide Vitamin B3 กับการรักษาสิว
Vitamin B3 เป็นวิตามินที่มีบทบาทในการบำรุงผิวไม่น้อย จากข้อมูลพบว่า Vitamin B3 มีส่วนช่วยให้กระบวนการเมตาบอริซึ่มของเซลผิว ทำให้เซลทำงานได้เป็นปกติ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มระดับเซรามาไมด์ของผิว ซึ่งการที่ผิวเรามีเซราไมด์เยอะนั้นจะทำให้ผิวเรากักเก็บความชุ่มชื้นได้ดีดีขึ้น เป็นเหมือนเกราะป้องกันผิวชั้นดี
Vitamin B3 ไม่เพียงแต่ช่วยฟื้นฟูผิวเท่านั้น ยังมีข้อมูลที่บอกอีกว่ามีผลต่อการเคลื่อนที่ของเม็ดสีเมลานิน ซึ่งเป็นปัจจัยที่กำหนดสีผิวของเรา โดย Vitamin B3 จะทำช่วยยับยั้งการเคลื่อตัวของเมลานินที่จะเคลื่อนตัวขึ้นมายังผิวชั้นบน มีส่วนช่วยทำให้ผิวเรียบเนียนแลดูขาวขึ้นได้
เมื่อผิวเกิดริ้วรอยและเริ่มสูญเสียความยืดหยุ่น เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนที่บอกถึงความเสื่อมชราของผิวหนัง สาเหตุหลักๆมาจากการสร้าง collagen และ elastin ใน fibroblast น้อยลงเรื่อยๆ วิธีชลอริ้วรอยที่แนะนำกันมากก็คือ กระตุ้นการสร้าง fibroblast และป้องกันไม่ให้โครงสร้างเส้นใย collagen ถูกทำลาย Niacinamide เป็นสารหนึ่งที่พบว่าสามารถช่วยเพิ่ม fibroblast และ collagen จึงเป็นสารที่ใช้ช่วยชลอริ้วรอยในผิวหนัง
แสงแดดเป็นสาเหตุหลักอันหนึ่งที่ทำให้เกิดการสร้างเม็ดสีในผิวหนังมากกว่าปกติ (hyperpigmentation) โดย melanocyte จะผลิต melanosome ซึ่งมี melanin อยู่ภายใน แล้วปล่อยเข้าไปใน keratinocyte ที่อยู่รอบๆ จากนั้น keratinocyte จะเคลื่อนขึ้นไปสู่ผิวชั้นบนของหนังกำพร้า ทำให้ผิวมีสีเข้มกว่าปกติหรือเป็นฝ้า กระ รอยด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ
ในการศึกษาพบว่า Niacinamide เข้าไปยับยั้งการส่งถ่าย melanosome ไปยัง keratinocyte ทำให้ keratinocyte ที่เคลื่อนสู่ผิวชั้นบนของหนังกำพร้าไม่มีเม็ดสีที่มากผิดปกติ ผิวจึงดูขาว กระจ่างใส มีสีผิวสม่ำเสมอ
การใช้สารฆ่าเชื้อในการรักษาสิว โดยทั่วไปอาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือแบคทีเรียเกิดการดื้อยาได้ จากการศึกษาของ Shalita colleagues แสดงให้เห็นว่า Niacinamide 4% มีประสิทธิภาพในการรักษาสิวเช่นเดียวกับการใช้ยา Clindamycin 1% และให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่าด้วย
ยังมีข้อมูลที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า เมื่ออายุเพิ่มขึ้นระดับ NADH/NADPH จะลดลง ซึ่ง NADH/NADPH เกี่ยวข้องกับการสร้าง ATP ใน Krebs cycle โดยATP เป็นแหล่งพลังงานให้กับเซลล์ในการทำหน้าที่ต่างๆ รวมถึงการสร้างและการแบ่งตัวของเซลล์ เมื่อ NADH/NADPH ลดลง ATP ก็ลดลง การสร้างเซลล์ผิวใหม่และการผลัดเซลล์ก็น้อยลงด้วย ผิวจึงดูหม่นหมองและไม่เต่งตึง การทา Niacinamide บนผิวโดยตรง จะไปช่วยชลอการลดลงของ NADH/NADPH นอกจากนี้ Niacinamide ยังช่วยเรื่องการต่อต้านอนุมูลอิสระ และยังช่วยลดการระคายเคืองอีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น