วันพุธที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2560

10 นิสัยที่ทำให้สาววัยเลข 3 ยิ่งแก่ ! รู้แล้วควรหยุดเลยนะ

หากพูดถึงเรื่องความแก่ ! ร้อยทั้งร้อยผู้หญิงทุกคนคงจะต้องหวาดกลัวกับคำ ๆ นี้กันอยู่แน่ ๆ แล้วยิ่งถ้าใครมาบอกว่าคุณหน้าแก่แล้วละก็จะยิ่งรู้สึกเหมือนถูกมีดมาทิ่มแทงใจกันเลยทีเดียว ก็อย่างว่าแหละจ้าเพราะความแก่กับผู้หญิงนั้นถือเป็นศัตรูกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ซึ่งจะเห็นได้ว่าผู้หญิงสามารถทำได้ทุกอย่าง ยอมเสียเงินตั้งมากตั้งมายเพื่อซื้อครีมมาบำรุงในราคาแพง ๆ รวมถึงยอมเสียเงินเข้าคลินิกเสริมความงามต่าง ๆ ถึงแม้ว่าจะรู้ทั้งรู้อยู่แล้วว่าต้องเสียเงินจำนวนไม่น้อย แต่สาว ๆ หลายคนก็เต็มใจที่จะยอมแลกกับความอ่อนเยาว์ให้กลับคืนมา เห็นไหมคะว่าผู้หญิงนั้นต้องต่อกรกับศัตรูตัวร้ายอย่างความแก่มากแค่ไหน แต่ทั้งนี้คุณสาว ๆ รู้หรือไม่คะว่าต่อให้คุณจะดูแลตัวเองมากเท่าไร แต่ถ้าหากยังทำนิสัยและพฤติกรรมเหล่านี้อยู่ ความแก่ก็จะยิ่งมาเยือนคุณได้เร็วขึ้นเท่านั้น ซึ่งก็เท่ากับว่าสิ่งที่คุณทำมาแต่แรกจะต้องเสียเปล่าไปโดยปริยาย ทั้งนี้จะมีพฤติกรรมไหนบ้างที่จะทำให้สาววัยเลข 3 ยิ่งแก่ไว ! มาดูแล้วรีบหยุดทำนิสัยเหล่านี้กันเลย

ดูแลผิว

นิสัยที่ทำให้สาววัย 30 ขึ้นไปยิ่งแก่ ลองเช็กดูสิว่าคุณกำลังทำอยู่หรือเปล่า ? สำหรับสาว ๆ ที่มีอายุล่วงเลยเข้าสู่เลข 3 แล้วถ้าหากยังทำพฤติกรรมเหล่านี้อยู่ ระวังหน้าจะแซงอายุเอาได้นะคะ แล้วอย่าหาว่าไม่เตือน !!

1. ขัดผิวหน้าบ่อยเกินไป

การทำความสะอาดโดยการขัดถูผิวหน้าบ่อย ๆ นอกจากจะไม่ช่วยให้ผิวดีขึ้นแล้วยังเป็นการทำลายผิวอีกด้วย เพราะการขัดหน้าบ่อย ๆ จะเป็นการไปทำลายเซลล์ผิว ซึ่งจะส่งผลให้เกิดริ้วรอยต่าง ๆ ตามมา ดังนั้นควรหยุดขัดหน้าแล้วหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวสูตรอ่อนโยนและสามารถชะลอความแก่ได้จะดีกว่านะคะ

2. นอนดึก พักผ่อนไม่เพียงพอ

การนอนคือการพักผ่อนที่ดีที่สุด เพราะเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายจะได้ซ่อมแซมและฟื้นฟูตัวเอง ดังนั้นถ้าหากคุณนอนดึกหรือนอนน้อยเกินไปร่างกายและผิวพรรณก็จะโทรมและบริเวณใต้ตาก็จะเกิดรอยคล้ำ ดังนั้นสาว ๆ วัยเลข 3 จึงควรนอนให้ได้อย่างต่ำ 6-8 ชั่วโมง ที่สำคัญอย่าลืมทาครีมบำรุงก่อนนอนกันด้วยนะคะ


3 อยู่แต่ในห้องแอร์

คุณผู้หญิงทั้งหลายที่ชอบอยู่แต่ในห้องแอร์เย็น ๆ ปรับอุณหภูมิเย็นเฉียบตลอดทั้งวันทั้งคืนจะทำให้ผิวต้องเผชิญกับอากาศแห้ง ๆ ซึ่งจะเป็นตัวการสำคัญทำให้ผิวพรรณแก่ล้ำเกินไวอย่างคาดไม่ถึง เพราะมันจะทำให้ผิวทั้งหยาบ ทั้งกร้าน เหี่ยวย่น แล้วยังลอกเป็นขุย ๆ อีกด้วย

4. ชอบรับประทานอาหารขยะ

ขึ้นชื่อว่าอาหารขยะ ก็ต้องเป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่าไม่มีประโยชน์อะไรเลยกับร่างกาย ที่สำคัญยังทำให้คุณแก่เร็วอีกด้วย เพราะอาหารเหล่านี้มีส่วนผสมของน้ำตาล แป้ง และสารกันบูด ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้สารอินซูลีนที่อยู่ในร่างกายเพิ่มขึ้นและลดลงอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังจะไปยับยั้งสารต้านอนุมูลอิสระ ส่งผลให้แก่เร็วขึ้น ผิวคล้ำเสียได้ง่ายขึ้น และยังทำให้ริ้วรอยหรือตีนกาถามหาเร็วขึ้นด้วย


5. ตากแดดนาน ๆ

ให้คุณนึกไว้เสมอว่า เมื่อคุณยืนตากแดดนานเท่าไหร่ เจ้าแสงแดดนั้นก็จะค่อย ๆ ทำลายเส้นใยคอลลาเจนที่มีบทบาททำให้ผิวหนังของเรานุ่มและเรียบเนียนมากขึ้นเท่านั้น และถ้าหากโดนทำลายบ่อย ๆ สิ่งที่จะตามมาก็คือ ผิวของคุณจะกลายเป็นแห้งกร้าน และที่ร้ายไปกว่านั้นยังเป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วย ดังนั้นก่อนออกแดดสาว ๆ จึงควรป้องกันแสงแดดด้วยการทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง

6. ติดน้ำตาล

น้ำตาลตัวร้าย ถือเป็นศัตรูตัวฉกาจสำหรับผู้หญิง นอกจากจะทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นไม่รู้ตัวแล้ว สำหรับใครที่ติดน้ำตาลมาก ๆ หรือชอบรับประทานอาหารรสหวานจัด ๆ ให้รู้เอาไว้เลยนะคะว่าน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์นี่แหละจะทำให้ผิวหนังของคุณเสื่อมสภาพเร็วขึ้น อันเนื่องมาจากน้ำตาลจะทำให้เกิดกระบวนการไกลเคชั่นในเนื้อเยื่อของร่างกาย ซึ่งหมายความว่ามันจะทำให้โมเลกุลผิวหนังเปราะบางลงนั่นเอง


7. ดื่มแอลกอฮอล์หนัก

การดื่มแอลกอฮอล์หนัก ๆ จะส่งผลให้ผิวเสีย และมีริ้วรอยก่อนวัย อันเนื่องมาจากร่างกายสูญเสียน้ำจากการปัสสาวะบ่อย นอกจากนี้แอลกอฮอล์ยังทำให้ร่างกายขาดวิตามินบี ซึ่งการขาดวิตามินบีจะทำให้ผิวหนังแห้ง เหี่ยว และเป็นสิวตามมาได้

8. ออกกำลังกายหักโหม

การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ แต่ถ้ามากเกินไป จะส่งผลให้น้ำหนักลดลงแบบฮวบฮาบ ซึ่งจะทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น และหย่อนคล้อย ดูไม่สวยเลยล่ะค่ะ


9. สูบบุหรี่จัด

สาว ๆ ที่ชอบสูบบุหรี่ต้องเลิกเลยนะคะ เพราะการสูบบุหรี่ทำให้ผิวสูญเสียคอลลาเจน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควรได้ง่ายมาก ๆ

10. ร่างกายขาดน้ำ

ผิวที่ขาดน้ำ ก็เปรียบเสมือนร่างกายสูญเสียความยืดหยุ่น ซึ่งจะทำให้เราดูแก่ และเหนื่อยล้า ดังนั้นสาว ๆ จึงควรดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน เพื่อที่ผิวพรรณของเราจะได้เปล่งปลั่งสดใสมีน้ำมีนวล และไม่เหี่ยวย่น

เป็นอย่างไรบ้างคะ มีใครทำครบทุกข้อเลยหรือเปล่าเนี่ย !? ถ้าหากคุณเป็นหนึ่งคนที่กำลังทำนิสัยแบบนี้อยู่ ขอบอกเลยว่าให้รีบลด ละ เลิกพฤติกรรมเหล่านี้เสียตั้งแต่วันนี้เลยนะคะ เพราะไม่อย่างนั้นคุณจะยิ่งแก่ไวแบบไม่รู้ตัว แล้วอย่าหาว่าไม่เตือนนะจ๊ะคุณผู้หญิงทั้งหลาย

วันจันทร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2560

หน้าสดคุณก็สวยได้ ด้วย 5 เทคนิคง่ายๆ แบบไม่ต้องโบ๊ะเครื่องสำอางตลอดเวลา

หน้าสด

จริงอยู่ ที่โบราณว่าไว้ ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง เกิดเป็นผู้หญิงก็ต้องแต่งหน้า แต่งตัว จะได้ดูดี มีเสน่ห์ แต่ก็อย่างว่าแหละคุณขาาา บางครั้งถ้าเลือกได้ ก็อยากจะสวยแบบใสๆ ไม่ต้องแต่งหน้าดูบ้าง แต่ครั้นจะให้ หน้าสด แบบล้วนๆ ไม่มีอะไรแต่งแต้มเลยก็กลัวคนอื่นๆ จะแตกตื่นตกใจ งั้นลองมาดูเทคนิคกันหน่อยดีกว่า จะได้สวยแบบใสๆ เหมือนคนอื่นบ้าง

1. แต่งคิ้วและดัดขนตาแบบเจลใส

นี่ไม่ได้แนะนำให้แต่งหน้านะคะ แต่แนะนำให้แต่งคิ้ว และขนตา โดยเฉพาะคิ้ว ที่เป็นเหมือนมงกุฏของใบหน้า อย่าได้ปล่อยให้คิ้วรกรุงรังเชียวนะ ควรกันคิ้วให้ได้ทรงสวย สำหรับคนที่คิ้วบาง แนะนำให้ลองทาน้ำมันละหุ่งที่คิ้วดู จะช่วยให้คิ้วดกดำขึ้น หลังจากที่คิ้วสวยแล้ว ก็มาในส่วนของดวงตา ควรดัดขนตาให้งอนงาม และใช้มาสคาร่าแบบเจลใส ปัดตามไปอีกที แค่นี้หน้าสดก็สวยได้แล้ว

2. บำรุงเส้นผมสม่ำเสมอ

ไม่ว่าคุณจะทำสีผมหรือไม่ทำ ก็ควรบำรุงผมให้ดูสุขภาพดีอยู่เสมอ ตัดเล็มปลายผมบ้าง หมักผมบ้าง อะไรก็แล้วแต่ที่จะทำให้ผมคุณดูสวย จงทำซะ เพราะจะช่วยเสริมให้มีบุคลิกภาพ และทำให้หน้าของคุณน่ามองมากขึ้น


3. ฟันต้องขาว

ยิ้มของคนเรา ทำให้โลกสดใสได้จริงๆ นะ จงเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง ด้วยการดูแลสุขภาพช่องฟันให้ดีๆ ฟอกสีฟัน ขูดหินปูน ดูบ้าง อย่าปล่อยให้ฟันเหลือง แล้วก็ระวังเรื่องชา กาแฟ เพราะมีส่วนทำให้ฟันเหลืองสุดๆ

4. ดูแลผิวหน้า และครีมกันแดดอย่าให้ขาด

อยากมี หน้าสด ที่สวยเป็นธรรมชาติ ก็ต้องดูแลผิวหน้าให้ดี ไม่ว่าจะเป็นครีมบำรุง หรือโฟมล้างหน้า เลือกให้เหมาะกับสภาพผิว มาส์กหน้าบ้าง สัปดาห์ละครั้งก็ยังดี หรือจะทาด้วยน้ำมันมะพร้าวก็เริ่ดไม่แพ้กัน ตื่นมาหน้านิ่มสุดๆ และที่ขาดไม่ได้ ห้ามละเลยเด็ดขาด นั่นก็คือครีมกันแดด ทาไปเถอะ แม้ว่าคุณจะทำงานอยู่ในห้องแอร์ แต่อันตรายจากแสงยูวี มีรอบตัว อย่าได้ชะล่าใจ หน้าแก่ก่อนวัยไม่รู้ด้วยนะ


5. พักผ่อนให้เพียงพอ

ดูเหมือนจะเป็นข้อที่ดูนางเอกที่สุด แต่เป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำมากที่สุด แม้ว่าคุณจะประโคมครีมบำรุงมากแค่ไหน แต่ถ้าขาดการพักผ่อนที่เพียงพอ ก็ไม่มีประโยชน์อะไร นอนให้เต็มอิ่ม อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง ตื่นมาหน้าคุณก็จะสดใส ไม่หมองคล้ำแน่นอน

วันจันทร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2560

เคล็ดลับสุดเจ๋งที่สาวๆ ควรบอกต่อ ทริคสุดประหยัดดูแลผิวด้วย “ผ้าขนหนูชุบน้ำ”

เคล็ดลับการดูแลผิว

หลายคนอาจจะนึกไม่ถึงประโยชน์ของผ้าขนหนูว่าเป็นตัวช่วยชั้นดีที่ดูแลเรื่องความสวยความงามของผิวหน้าสำหรับสาวๆได้เป็นอย่างดี นอกจากจะเป็นของใช้ภายในบ้านที่สามารถหาได้ง่ายและยังเป็นการดูแลผิวโดยไม่เสียสตางค์สักบาทเลยด้วย ทริคดีๆโดยผ้าขนหนู เป็นวิธีที่สาวๆญี่ปุ่นนิยมใช้เพื่อดูแลผิวหน้า

สารพัดประโยชน์ผ้าขนหนูกับผิวหน้า

1.ลบรอยดำ

สาเหตุจากรอยดำบนใบหน้าที่พบเจอกันส่วนมาก มักจะเจอสาเหตุหลักๆการสะสมของเซลล์ผิวชั้นนอกเก่าที่ยังตกค้างอยู่บนผิวหน้า หรือ สาเหตุของการหมุนเวียนของเลือดไม่ดีพอ ด้วยเหตุนี้การใช้ผ้าขนหนูอุ่นประคบบริเวณผิวหน้าจะช่วยให้การหมุนเวียนเลือดหรือการทำงานของต่อมน้ำเหลืองไหลเวียนและทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้น จึงสามารถแก้ไขปัญหารอยดำและช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น

2.ขจัดสิวเสี้ยน

การใช้ผ้าขนหนูเพื่อขจัดสิวเสี้ยนเป็นขั้นตอนเปิดรูขุมขนเพื่อทำความสะอาดผิวหน้าไม่ให้เหลือสิ่งตกค้าง เมื่อลบเครื่องสำอางเรียบร้อยแล้ว ให้วางผ้าขนหนูอุ่นบนใบหน้า เพื่อทำการเปิดรูขุมขนและสร้างความอบอุ่นแก่ผิวหน้า จากนั้นเมื่อล้างหน้า ใช้น้ำมันมะกอกทานวดบริเวณจมูก สิวเสี้ยนจะหลุดออกได้ง่าย


3.หมีแพนด้าใต้ตา

การใช้ผ้าขนหนูอุ่นๆเพื่อประคบความเหนื่อยล้า การไหลเวียนของเลือดไม่ดีจากการนอนหลับไม่เพียงพอ ช่วยแก้ไขปัญหาใต้ตาของสาวๆดำคล้ำให้ดีขึ้น

4.อาการบวม

การหมุนเวียนของเลือดไม่ดีพอเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้มีอาการบวมบริเวณผิวหน้าช่วงตอนเช้าของวัน การกระตุ้นเลือดให้ทำงานได้ดีขึ้น ลดอาการบวมได้อย่างเร่งด่วนเป็นอีกหนึ่งประโยชน์จากผ้าขนหนูอุ่นๆ

เตรียมผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นเพียง 1 นาที!

1.เตรียมผ้าขนหนู

จับผ้าขนหนูแนวตั้ง พับครึ่ง จากนั้นให้ม้วนจนสุดปลายผ้าขนหนู จะได้ลักษณะผ้าขนหนูแนวยาว ลักษณะกลม (ตามภาพ) จากนั้นชุบน้ำให้เปียก บีบน้ำออกสักพอประมาณ


2.อุ่นในไมโครเวฟ

นำไปอุ่นในไมโครเวฟ ใช้กำลังไฟ 500w นาน 1 นาที พออุ่น สามารถใช้แรปพลาสติกหรือถุงซิปล็อคห่อคลุมผ้าขนหนูไว้ก็ได้


3.นำมาใช้งาน

หลังจากนำไปอุ่น ควรเช็คก่อนนำมาใช้ว่าร้อนเกินไปรึเปล่า หากร้อนเกินไปจะรอให้หายเย็นพอสัมผัสได้แล้วค่อยนำมาใช้ก็ได้ แผ่ผ้าขนหนูกางออกประคบทุกบริเวณของใบหน้าประมาณ 2-3 นาที หรือจนกว่าผ้าจะเย็น


เคล็ดลับดีๆ จากผ้าขนหนู หวังว่าของที่มีอยู่ในบ้านจะสามารถเอามาใช้ประโยชน์ให้กับสาวๆได้นะคะ ลองทำกันดูด้วยวิธีง่ายๆ เพื่อสุขภาพผิวที่ดีขึ้น มาเริ่มกันตั้งแต่วันนี้เลย!

วันจันทร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2560

6 วิธีดูแลผิวหน้าแบบผิดๆ รีบหยุดก่อนหน้าพัง

ใครบ้างล่ะไม่อยากจะมีหน้าใสไกลสิว? คงจะดีไม่น้อย ถ้าหากเราจะมีสุขภาพผิวหน้าที่ดีได้โดยการใช้ผลิตภัณฑ์ง่ายๆ ที่สามารถหาได้ใกล้ตัว

วิธีดูแลผิวหน้า

สาวๆ หลายคนอาจจะคิดว่า วิธีการดูแลผิวหน้าต่างๆ เหล่านี้ไม่มีอันตรายกับผิว แต่นั่นเป็นความคิดที่ผิด! เพราะมีวิธีการหลายๆอย่างที่ดูไม่อันตราย แต่กลับสามารถทำร้ายและทำลายผิวหน้าของเราได้อย่างมากเลยทีเดียว

วันนี้จึงได้นำ “6 วิธีดูแลผิวหน้าแบบผิดๆ รีบหยุดก่อนหน้าพัง” มานำเสนอและเตือนสาวๆ เพราะผิวหน้าของเรานั้นเป็นส่วนที่สำคัญและเป็นส่วนที่มีความบอบบางมากส่วนหนึ่งของร่างกาย ฉะนั้นอย่าลืมที่จะดูและรักษามันไว้ให้ดีนะจ๊ะ

6 วิธีดูแลผิวหน้าแบบผิดๆ มีดังนี้

ไข่ขาวมาร์กหน้า

หลายๆ คนรู้ว่า ไข่ขาว มีสรรพคุณลดสิวเสี้ยน และสามารถกระชับรูขุมขนบนผิวหน้าได้ดี แต่กลับไม่มีใครพูดถึงผลเสียของมันเลย ซึ่งผลเสียของการมาร์กหน้าด้วยไข่ขาวนั้นมีมากกว่าผลดี คือเป็นสาเหตุของรูขุมขนอุดตันและก่อให้เกิดสิวได้ ถึงผิวหน้าจะดีขึ้นแต่สิวเห่อก็คงไม่ดีเท่าไหร่นัก เพราะฉะนั้น หยุดพอกหน้าด้วยไข่ขาว แล้วเก็บมันไว้สำหรับทำอาหารจะดีกว่า

ยาสีฟันแต้มสิว

ในยาสีฟันมี สารไทรโคลซาน ที่มีสรรพคุณช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย และมีเมนทอลที่สามารถรักษาสิวให้แห้งไวขึ้น การใช้ยาสีฟันแต้มสิวจึงกลายเป็นความเชื่อถูกใช้กันมาอย่างแพร่หลายเป็นเวลานาน

แต่ความจริงนั้น ยาสีฟันได้ถูกทำขึ้นสำหรับสารเคลือบฟัน (enamel) บนฟันของเรา จึงไม่ควรอย่างยิ่งที่จะถูกนำมาทาบนผิวหน้า เพราะจะทำให้ผิวบริเวณที่ทานั้นเสียความชุ่มชื้น อาจมีอาการบวมแดงมากขึ้นกว่าเดิม และส่งผลให้เกิดอาการเบิร์นได้ บางรายที่แพ้ยาสีฟันก็อาจทำให้สิวเห่อได้ด้วยเช่นกัน


วาสลีนทาหน้า

Petroleum jelly ถูกใช้ในการรักษาอาการแห้งกร้าน จึงกลายเป็นตัวเลือกหนึ่ง สำหรับสาวๆ ที่นำมาใช้ในการเสริมสร้างความชุ่มชื้นและลดริ้วรอยบนใบหน้า แต่ในการทาวาสลีนบนผิวหน้านั้น ไม่สามารถป้องกันและรักษาริ้วรอยได้ และมากกว่านั้น หากทาในปริมาณที่มากจนเกินไป ก็สามารถเป็นต้นเหตุของความสกปรก นำไปสู่การสะสมเชื้อแบคทีเรียบนใบหน้า ทำให้อุดตันรูขุมขนและก่อให้เกิดสิวได้อีกด้วย

แอลกอฮอร์เช็ดหน้า

หลายๆ คนคิดว่า แอลกอฮอร์นั้นสามารถรักษาสิวและผิวหน้าได้ เนื่องจากมีฤทธิ์กำจัดเชื้อแบคทีเรีย แต่นั่นเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะการนำแอลกอฮอร์มาเช็ดหน้า หรือสัมผัสใบหน้าโดยตรง จะทำให้ผิวหน้าแห้งเสีย และระคายเคืองได้ นอกจากสิวจะไม่หายแล้ว ผิวหน้ายังพังอีกด้วย โดยเฉพาะสาวๆที่ผิวแพ้ง่ายทั้งหลาย ควรหลีกเลี่ยงเครื่องสำอางค์ที่ผสมแอลกอฮอร์ไปได้เลย


มะนาว

มะนาว เป็นสมุนไพรไทยที่เปี่ยมไปด้วยสรรพคุณทางความงามมากมาย ถึงแม้มะนาวจะอุดมไปด้วยวิตามินต่างๆ แต่กรดแอซิติกที่มะนาวมีนั้นส่งผลเสียต่อผิวหน้าของเราได้ การใช้มะนาวขัดถูหรือทาไปบนผิวโดยตรง จึงเป็นสิ่งต้องห้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผิวหน้าที่บอบบาง เพราะจะทำให้ผิวแห้งกร้าน และอาจทำให้ผิวบริเวณนั้นเบิร์นได้

ดังนั้น จึงควรเน้นการกินหรือดื่มน้ำมะนาว เพื่อนำวิตามินเข้าสู่ร่างกาย ดีกว่าการทาบนผิวหน้า รับรองว่าจะให้ผลที่ดีต่อผิวพรรณได้มากอย่างแน่นอน

น้ำตาลขัดผิว

ในวงการความงามนั้น น้ำตาลเป็นสิ่งยอดฮิตหนึ่งที่มักจะถูกนำมาใช้ในการขัดผิว ผลัดเซลล์ผิวหนังที่ตาย เพื่อให้ได้ผิวที่กระจ่างใส แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผิวที่หยาบและคมของน้ำตาลนั้น กลับส่งผลเสียต่อผิวของเรามากกว่าผลดีเสียอีก

เพราะการใช้น้ำตาลขัดผิวจะทำให้โมเลกุลหน่วยเล็กๆ บนผิวของเราเกิดการอักเสบและระคายเคือง ผลที่ตามมาอีกก็คือความแห้งกร้าน และริ้วรอยบนใบหน้า จึงไม่ควรอย่างยิ่งในการเอาน้ำตาลมาขัดผิวหน้าของเราโดยตรงนะคะ

วันพุธที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2560

มาจัดการสิวที่หัวกันเถอะ...รักษาได้ด้วย 5 วิธีจากธรรมชาติ

รักษาสิวที่หัว

สิวที่หัว สาว ๆ หลายคนคงไม่ค่อยคุ้นล่ะสิ ว่าสิวไปขึ้นที่หัวได้ด้วยหรือ แต่บอกเลยว่ามีหลายคนที่เป็นสิวแบบนี้ ซึ่งสิวที่หัวก็เป็นสิวอักเสบและสิวหัวหนองปกตินี่แหละ แต่แทนที่จะขึ้นบนหน้ามันกลับขึ้นบนหัวซะงั้น โดยเกิดจากการที่ต่อมไขมันบนหัวผลิตน้ำมันออกมาเยอะเกินไปและเกิดจากปัจจัยหลาย ๆ อย่าง เช่น อาหารการกินหรือฮอร์โมน เป็นต้น ฉะนั้นหากใครกำลังเป็นสิวที่หัวที่แสนจะทรมานอยู่ มากำจัดด้วย 5 ไอเทมจากธรรมชาตินี้กันเถอะค่ะ

1. น้ำมะเขือเทศ

ในมะเขือเทศเต็มไปด้วยกรดซาลิไซลิก ซึ่งเจ้ากรดตัวนี้แหละที่รักษาสิวได้เวิร์คมาก ๆ นั่นก็หมายถึงรักษาสิวที่หัวได้อยู่หมัดเช่นกัน แค่นำน้ำมะเขือเทศมาเทราดลงบนเส้นผม ก็จะช่วยกระตุ้นให้เส้นผมใหม่ขึ้น เพิ่มความเงางาม และแน่นอนที่สุดจะช่วยลดสิวที่หัวได้ด้วย

2. กระเทียม

นอกจากมะเขือเทศจะเป็นแหล่งของกรดซาลิไซลิกแล้ว แต่กระเทียมก็ยังมีเจ้ากรดตัวนี้มากเช่นเดียวกัน แถมในกระเทียมยังมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ต้านเชื้อไวรัส และต้านเชื้อราด้วย หากต้องการรักษาสิวที่หัวละก็ แค่นำชากระเทียมมาเทราดลงบนเส้นผม โดยชากระเทียมทำได้จากการนำกระเทียม 4 กลีบมาผสมกับน้ำต้มสุก 3 ถ้วยนั่นเอง


3. แอปเปิลไซเดอร์

แอปเปิลไซเดอร์ หรือ น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล สามารถใช้ฟื้นฟูเส้นผมที่มีปัญหาได้ อีกทั้งยังช่วยฟื้นฟูให้หนังศีรษะมีสุขภาพดีได้อีกด้วย ที่สำคัญยังสามารถช่วยรักษาสิวที่หัวได้อยู่หมัด แค่นำแอปเปิลไซเดอร์ 1 ส่วนผสมกับน้ำเปล่า 2 ส่วน แล้วนำมาราดที่ผมและหนังศีรษะ แค่นี้สิวที่หัวก็หายเกลี้ยงแล้ว

4. ทีทรีออยล์

สาว ๆ คงรู้กันอยู่แล้วล่ะว่าทีทรีออยล์มีคุณสมบัติช่วยรักษาอาการอักเสบของสิวอยู่แล้ว ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยรักษาสิวที่หน้า แต่ยังรักษาสิวที่หัวได้ด้วย ฉะนั้นครั้งต่อไปให้ซื้อแชมพูที่มีส่วนผสมของทีทรีออยล์ด้วยสิ จะได้ช่วยลดสิวและอาการอักเสบของสิวบนหัวได้ แต่ถ้าอยากรักษารอยแดงของสิวบนหัว ให้คุณใช้น้ำแข็งมาถู ๆ ตรงรอยแดงที่เป็นประมาณ 7 นาทีหรือจนกว่าน้ำแข็งจะละลาย แล้วค่อยทาทีทรีออยล์ตาม


5. น้ำมันหอมระเหยดอกมะลิ

เรียกได้ว่าน้ำมันหอมระเหยดอกมะลิ เป็นไอเทมที่ควรค่าแก่การนำมารักษาสิวในทุก ๆ ส่วนของร่างกายเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะตรงสิวที่หัว ซึ่งทำได้โดยนำน้ำมันหอมระเหยดอกมะลิมาผสมกับน้ำมันเมล็ดองุ่น จากนั้นนำไปนวดที่หนังศีรษะโดยตรง และน้ำมันเมล็ดองุ่นจะไม่เข้าไปอุดตันรูขุมขน อีกทั้งน้ำมันเมล็ดองุ่นก็ช่วยรักษาสิวที่หัวได้เหมือนกัน แถมยังมีวิตามินอีและกรดไลโนเลอิกที่จะช่วยบรรเทารอยสิวให้ลดลงได้ด้วย

นอกจากการใช้ไอเทมธรรมชาติเหล่านี้ จะหาง่ายและช่วยประหยัดเงินได้แล้ว ของเหล่านี้ยังไม่ส่งผลเสียต่อเส้นผมของคุณอีกด้วย คราวนี้ล่ะปัญหาสิวบนหัวจะไม่มากวนใจให้ทรมาน แถมผมก็ไม่เสียด้วยแหละ เยี่ยมไปเลยใช่ไหมล่ะ