วันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

รักษาจุดด่างดํา รอยดํา รอยแดงจากสิว !!

สำหรับปัญหาจุดด่างดำหรือรอยสิวคงไม่ต้องอธิบายกันมากว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง มันก็คือผลผลิตร่องรอยที่เกิดจากสิวนั่นเอง ที่เป็นตัวสร้างความเสียหายให้ผิวเพิ่มขึ้นจนอักเสบและเป็นแผลในที่สุด และยังมีอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สีผิวดูไม่สม่ำเสมอกัน นั่นก็คือการเอาผิวหน้าไปรับแสงแดดโดยไม่ป้องกัน จึงทำให้ผิวเป็นทั้งรอยแดง รอยดำจนถึงคล้ำ ขนาดที่ว่าดูเผินๆ ก็ยังเห็นว่ามันเป็นจุดด่างๆ ดำๆ ทำให้เจ้าของใบหน้าไม่กล้าเปิดเผยผิวหน้าเพียวๆ ให้ใครได้เห็น
สูตรมะเฟือง+น้ำผึ้ง
สูตรนี้ให้คุณคั้นเอาน้ำมะเฟืองมาผสมกับน้ำผึ้ง จากนั้นก็นำมาแต้มลงบนจุดด่างดำทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที แล้วล้างออก แต่ถ้าไม่รู้สึกแสบหรือระคายเคือง คุณอาจลงทั้งหน้าเลยก็ได้ สามารถทำได้อาทิตย์ละครั้ง โดยมะเฟืองนั้นเป็นผลไม้ที่มีวิตามินเอและวิตามินซีสูง มันจึงช่วยทำให้เซลล์ผิวใหม่ขาวขึ้น ส่วนที่ต้องนำมาผสมกับน้ำผึ้งนั้นก็เพื่อป้องกันไม่ให้หน้าแห้งจนเกินไป ดังนั้นถ้าคุณเป็นคนหน้าแห้งมากก็ให้ใส่น้ำผึ้งมากหน่อย และเน้นแต้มเฉพาะบริเวณจุดด่างดำ
สูตรหอมแดง
สมุนไพรรักษาจุดด่างดำ ช่วยลดผิวที่ดำคล้ำ รวมไปถึงฝ้าและกระ วิธีการทำก็ง่ายๆ เพียงแค่นำหอมแดงมาฝานออกเป็นแว่นๆ แล้วนำมาถูบริเวณที่เป็นรอยดำ ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที สามารถทำได้อาทิตย์ละ 2 ครั้ง
สูตรมะขามเปียก+น้ำผึ้ง+นมสด
มะขามเปียกเป็นอะไรที่พูดถึงกันมายาวนานและเป็นที่ยอบรับว่ามันสามารถช่วยทำให้ผิวขาวและช่วยผลัดเซลล์ผิวได้เป็นอย่างดี โดยสูตรนี้ให้คุณคั้นเอาน้ำมะขาม จากนั้นให้นำมาผสมกับน้ำผึ้งและนมสดเล็กน้อย ถ้าต้องการพอกทั้งหน้าและต้องการให้หน้าเนียนนุ่ม เมื่อผสมจนเข้ากันดีแล้วก็ให้นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แต่ถ้ารู้สึกคันยิบๆ จนทนไม่ไหว ก็ไม่ต้องฝืนนะ ให้รีบล้างออกเลย โดยสูตรนี้คุณสามารถทำได้อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง แล้วจุดด่างดำก็จะจางลงเอง
สูตรเนื้อองุ่นเขียว+โยเกิร์ตรสธรรมชาติ+น้ำผึ้ง+น้ำมะนาว
สูตรนี้เป็นสูตรที่อ่อนโยน ปลอดภัยและทำให้หน้ามีความชุ่มชื้น เหมาะสำหรับคนผิวแห้ง โดยจะใช้องุ่นเขียวเป็นส่วนผสมหลัก วิธีทำก็เริ่มจากการปั่นส่วนผสมให้เข้ากันจนเป็นเนื้อครีม แล้วเอามาพอกบริเวณใบหน้า จากนั้นก็ล้างออกด้วยน้ำเย็น สามารถทำได้อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง แล้วจุดด่างดำจะค่อยๆ จางลงในที่สุด
สูตรข้าวโอ๊ต+น้ำผึ้ง
เป็นอีกสูตรที่ได้รับความนิยมมาก เพราะมีสรรพคุณที่ดีต่อผิวพรรณ สามารถช่วยลดจุดด่างดำบนใบหน้า และช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว เพื่อให้ผิวหน้าดูเปล่งปลั่งสดใสและเกลี้ยงเกลา นำข้าวโอ๊ตมาบดให้เป็นผงละเอียดและผสมเข้ากับน้ำผึ้ง ใช้ทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น จากนั้นก็ใช้ผ้าขนหนูนุ่มๆ ซับให้แห้ง
สูตรสับปะรด+น้ำผึ้ง
สูตรนี้เป็นสูตรของผู้ที่มีผิวหน้ามันแบบสุดๆ เพราะสูตรนี้นอกจากจะช่วยขจัดปัญหารอยแผลและจุดด่างดำแล้ว มันยังช่วยกำจัดความมันส่วนเกินบนใบหน้าได้อีกด้วย วิธีการก็คือให้คั้นเอาน้ำสับปะรดมาผสมกับน้ำผึ้ง แล้วทาบางๆ ให้ทั่วใบหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออก สามารถทำได้อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง ถ้าใช้สูตรนี้แล้วอย่าลืมทากันแดดก่อนออกจากบ้านด้วยล่ะ เพราะผิวจะค่อนข้างไวต่อแสงแดด
สูตรมะนาว+น้ำผึ้ง
อย่างที่ทราบสรรพคุณของมะนาวและน้ำผึ้งไปแล้วว่าสามารถช่วยลดจุดด่างดำได้ วิธีการทำก็ง่ายๆ เพียงแค่คุณนำน้ำผึ้งมาผสมกับน้ำมะนาว แล้วนำมาทาลงบนใบหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที โดยสามารถทำได้อาทิตย์ละ 2 ครั้ง แต่ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ผิวบอบบาง
สูตรว่านหางจระเข้
สมุนไพรลดรอยดําจากสิว อีกหนึ่งตัวช่วยที่สามารถช่วยลดรอยแผลเป็นและรอยดำต่างๆ ได้ดี วิธีใช้ก็ให้นำว่านหางจระเข้มาทาบริเวณใบหน้าวันละ 2 ครั้ง ทิ้งไว้ประมาณ 45 นาที รอยด่างดำก็จะค่อยๆ จางลงในเวลา 1-2 เดือน แถมยังช่วยลดความมันบนใบหน้าได้อีกด้วย
สูตรมะละกอสุก
มะละกอเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารปาเปน ซึ่งเป็นเอนไซม์โปรตีนที่ช่วยขัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกได้ และยังช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่ดูสดใสกว่าขึ้นมาแทน อีกทั้งมะละกอยังอุดมไปด้วยวิตามินซีและวิตามินอี ที่เป็นตัวช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและช่วยทำให้ผิวเนียนนุ่ม วิธีการก็ไม่ยาก เพียงแค่คุณนำเนื้อมะละกอสุกมาปั่นให้ละเอียดแล้วนำมาพอกหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น เพียงเท่านี้คุณก็จะรู้สึกได้ถึงผิวหน้าที่เต่งตึงและดูสดชื่นขึ้นแบบทันตา
ทั้งหมดนี้ก็คือสูตรลับเพื่อหน้าสวยใส ใครชอบแบบไหนก็เลือกใช้ได้ตามสบายเลยนะคะ และนอกจากสูตรที่กล่าวไปแล้ว คุณควรหันมาบำรุงผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการทาครีมบำรุงผิวหน้าที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ วันนี้เราก็มีตัวช่วยดีๆ มาแนะนำเพื่อนๆกันคะ นี่เลย #Lyonesse เซรั่มและครีมบำรุงผิวหน้า ช่วยให้ผิวดูขาวกระจ่างใส แลดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ

วันพุธที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

เลือกอายไลเนอร์ให้เหมาะกับคุณ

สาวๆ ที่รักการเขียนอายไลเนอร์เป็นชีวิตจิตใจ รู้ไหมค่ะว่าอายไลเนอร์มีแบบไหนบ้าง แล้วคุณเหมาะกับอายไลเนอร์ชนิดไหน วันนี้เรามีคำตอบให้ค่ะ…
อายไลเนอร์ แบบพู่กัน
อายไลเนอร์ปลายพู่กัน ลักษณะเหมือนปากกาเมจิก ใช้งานง่ายมากๆ เส้นเรียวเล็ก เขียนง่าย แห้งเร็ว สาวมือใหม่ใช้แล้วติดใจแน่นอน แล้วเส้นที่ออกมาค่อนข้างคมชัด แต่ถ้าต้องการความคมเข้ม ควรเขียนซ้ำหลายทีๆ รับรองหนาคมเข้มซะใจแน่นอนค่ะ
อายไลเนอร์ แบบมีกลิตเตอร์
เป็นชนิดเดียวกับ อายไลเนอร์ชนิดน้ำ เพียงแต่ผสมกลิตเตอร์เพื่อเพิ่มประกายวิ้งๆให้กับดวงตาดูสดใส ในยามค่ำคืนเหมาะสำหรับสาวๆที่ต้องออกงานกลางคืน สาวๆควรมีติดไว้สักอันเพื่อการแต่งหน้ากลางคืนโดยเฉพาะ
อายไลเนอร์ แบบน้ำ หรือ ลิควิด อายไลเนอร์
เหมาะสำหรับสาวมือโปร เพราะปลายที่แหลมเล็ก เส้นที่ออกมาคมชัด หนาทึบ ตวัดหางหน่อยได้ลุคสาวเปรี้ยวโฉบเฉี่ยวเลยทีเดียว สาวมือใหม่ก็ต้องฝึกฝน หัดบ่อยๆทำทุกวัน รับรองไม่กี่วันก็ชิน เขียนได้แบบชิวๆเลยล่ะค่ะ และไม่ต้องกลัวว่าบ่ายๆหน้าจะกลายเป็นหลินปิง ติดทนยันผับปิดเลยล่ะ เดี๋ยวนี้มีแบบผสมไฟเบอร์ล้างออกง่ายมากๆ แค่แตะด้วยน้ำก็จะหลุดลอกออกมาเป็นเส้นๆเลย ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกันตาเหี่ยวตาย่นเลยล่ะค่ะ
อายไลเนอร์ เนื้อเจล
วันไหนที่อยากแต่งตาแบบคมเข้ม ต้องเลือกอายไลเนอร์เนื้อเจล เริ่ดที่สุดค่ะ จะได้ดวงตากลมโต คมเข้ม โดดเด่นขึ้นไปอีก และยังติดทนยาวนานทั้งวัน ไม่ต้องหวั่นเรื่องแพนด้าเลยล่ะค่ะ อายไลเนอร์เนื้อเจลจะมาพร้อมกับพู่กัน ด้วยความที่เป็นเนื้อเจลเส้นที่ออกมา หนาทึบ เข้มสะใจ แถมเนื้อเจลยังนิ่มเขียนง่ายอีกด้วย แรกๆคุณอาจยังใช้ไม่ถนัด แต่ถ้าได้ลองแล้วคุณจะติดใจ ถึงขนาดเป็นอายไลเนอ์ในดวงใจเลยก็ได้นะคะ
แชโดว์ ไลเนอร์
ไลน์เนอร์ที่สามารถเป็นอายแชโดว์ได้ด้วย ใช้เกลี่ยแรเงารอบดวงตา เพื่อให้ดวงตากลมโต และคมเข้มมากขึ้น เนื้อเนียนนุ่ม ลื่น เขียนง่าย เขียนเพียงนิดเดียวสีก็ติดแล้ว แต่ด้วยเนื้อที่หนาและเข้มจึงควรล้างออกด้วย Eye Remover จะช่วยให้เช็ดออกง่ายสะอาดหมดจด
อายไลเนอร์ แบบดินสอ
เหมาะสำหรับสาวมือใหม่หัดเขียน เพราะเขียนง่ายและแก้ไขง่ายด้วย แต่เส้นจะไม่คมชัดเท่าไร และค่อนข้างเลอะง่าย เมื่อเวลาเหงื่อออก แถมต้องเหนื่อยออกแรงเหลาให้ปลายหัวแหลมอีกต่างหาก

วันอังคารที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

รู้ก่อน “การฉีดผิวขาว” ขาวไวแต่มีผลข้างเคียง

สาวๆที่ต้องการมีผิวขาวฉบับเร่งรีบ วิธีการฉีดผิวขาวคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของคนที่อยากมีผิวขาวใช่ไหมค่ะ การฉีดผิวขาวทำให้ขาวได้จริงตามคำโฆษณาและพ่วงด้วยราคาที่สูง และในยุคที่มีเทคโนโลยีก้าวไกล สื่อต่างๆเข้ามามีอิทธิพลต่อสภาพแวดล้อมและจิตใจ เห็นคนโน้นคนนี้ขาวสวย ก็อิจฉาเป็นธรรมดาใช่ไหมละ แต่ที่ปวดใจกว่าผู้ชายสมัยนี้สวยเกินผู้หญิงไปซะแล้ว จึงไม่แปลกใจเลยที่เราอยากจะมีผิวขาวใสน่าลงไหลแบบนั้นบ้าง มาศึกษากันว่าการฉีดผิวขาวให้อะไรกับเราบ้าง
1. การฉีดกลูต้าไธโอนเพื่อผิวขาว
ตามสถานเสริมความงาม นิยมฉีดสารกลูต้าไธโอนเข้าไปให้กับลูกค้าที่รักสวยรักงาม เนื่องจาก กลูต้าไธโอนสามารถยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสได้ และส่งผลให้เม็ดสีของผิวหนังเปลี่ยนจากเม็ดสีน้ำตาลดำเป็นเม็ดสีชมพูขาว อีกทั้ง วิตามินซี วิตามินอี วิตามินเอ มีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่จะมาทำลายคอลลาเจน มีผลในการป้องกันการทำลายเซลล์ หรือการเสื่อมสภาพของอวัยวะต่างๆ ของร่างกายจึงช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย ทำให้ผิวพรรณสดใส เปล่งปลั่งและผิวขาวใสได้ค่ะ
ในทางการแพทย์พบว่าการนำกลูต้าไธโอน (Glutathione) มาทดลองใช้ในการรักษาโรคต่าง เช่น ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ผู้ป่วยโรคกระเพาะอาหาร ผลจากการฉีดกลูต้าไธโอนเข้าไปทางหลอดเลือดดำ จะผลข้างเคียงของการฉีดกลูต้าไธโอนนั้นทำให้เม็ดสีผิวขาวขึ้น และเม็ดเลือดดำเปลี่ยนเป็นสีชมพู ทุกวันนี้การใช้กลูต้าไธโอนยังถือว่าใช้ในทางที่ผิดวัตถุประสงค์และยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าขาวได้ถาวรหรือไม่
2. การฉีดคอลลอเจนเพื่อลดริ้วรอย
การฉีดคอลลาเจน สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยเหี่ยวย่นเนื่องด้วยอายุที่เพิ่มขึ้น ช่วยให้ริ้วรอยเหี่ยวย่นหายไป ช่วยยกกระชับผิวบริเวณที่ฉีดให้เต่งตึงมีความชุ่มชื่น เปล่งปลั่งและช่วยลดริ้วรอยแผลเป็นให้แผลตื้นขึ้นได้ มีการนำคอลลาเจนมาใช้ในระยะ 20 กว่าปีที่ผ่านมาอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะด้านศัลยกรรมตกแต่ง แต่ผลของการฉีดคอลลอเจนจะไม่คงทนถาวร ต้องฉีดซ้ำภายใน 6-8 เดือน และจะสะลายตัวหมดไปใน 6-24 เดือน และหากฉีดในปริมาณมากไป ริ้วรอยต่างๆ หรือแผลเป็น อาจจะเห็นเป็นรอยนูนขึ้นมามากกว่าเดิมได้
3. การวิตามินซีเพื่อผิวขาวและทนทานต่อแสงแดด
เป็นที่รู้ๆกันดีว่าวิตามินซีมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของเซลล์ผิว บำรุงเซลล์ผิวที่แข็งแรง และช่วยชะลอริ้วรอยเหี่ยวย่นของผิวได้ จึงกระตุ้นให้ผิวเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล และทำให้ผิวขาวขึ้นได้ วิตามินซีมีทั้งแบบกินและแบบฉีด แบบกิน 500mg. หรือ 1000mg. การกินวิตามินซีเข้าไปเมื่อถึงจุดจุดหนึ่งที่ร่างกายเราจะรับได้ประมาณหนึ่ง ส่วนที่เกินนั้นร่างกายจะขับออกมาเอง ส่วนแบบฉีดนั้นจะเห็นผลได้ชัดเจนกว่าการกิน เพราะในขณะที่ฉีดเข้าทางหลอดเลือด จะออกฤทธิ์ได้ทันทีทั่วร่างกาย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงจะเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด เช่นผิวดูสดใส หน้าตาไม่หมองคล้ำ แผลหายง่ายกว่าเดิม และทำให้ผิวขาวได้นั้นเอง

วันจันทร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

เคล็ดลับการดูแลสุขภาพเล็บมือให้สวยและแข็งแรงอยู่เสมอ

สุขภาพกายที่ว่าสำคัญแล้วสุขภาพเล็บมือ ก็สำคัญไม่แพ้กัน ถ้าเล็บไม่แข็งแรงนั่นเป็นสัญญาณเตือนภัยว่า ร่ายการของเรากำลังขาดสารอาหารบางอย่างไป และเล็บยังบอกได้ว่าเราป่วยหรือเป็นโรคได้ด้วยนะ วันนี้เรามีเคล็ดลับการดูแลสุขภาพเล็บมือให้สวยและแข็งแรงมาฝากสาวๆ กันค่ะ
1. นวดน้ำมันมะกอกหรือเบบี้ออยล์เพื่อให้เล็บนุ่ม
นวดน้ำมันมะกอกหรือเบบี้ออยล์เพื่อให้เล็บนุ่ม เตรียมน้ำมันมะกอกหรือเบบี้ออยล์ 1 ช้อนชา ผสมกับน้ำอุ่มจัดประมาณครึ่งลิตร นำมือลงไปแช่ทั้ง 2 ข้าง แล้วค่อยนวดเล็บเบาทีละนิ้ว สัก 10 นาที ทำเป็นประจำเล็บมือของเราก็จะแข็งแรง และนิ้วมือของจะเนียนนุ่มด้วยนะค่ะ
2. ทามอยเจอไรเซอร์ทุกครั้งหลังจากล้างมือ
ทามอยเจอไรเซอร์ทุกครั้งหลังจากล้างมือ เมื่อมือโดนน้ำทุกครั้ง เล็บมือของเราจะพองตัว แล้วพอแห้งเล็บก็จะหดตัวกับคืนสภาพ การยืดหดเหล่านี้เกิดขึ้นซ้ำๆ เป็นสาเหตุทำให้เล็บเปราะ ฉีกขาดง่าย ดังนั้นสาวๆ ควรมั่นทามอยเจอไรเซอร์ให้ทั่วมือและเล็บ นวดเบาๆให้โลชั่นซึมเข้าสู่ผิว เพื่อการบำรุงยิ่งขึ้นก่อนเข้านอนควรทามอยเจอไรเซอร์ด้วยนะตัวเธอ
3. อาหารบำรุงเล็บให้แข็งแรง
อาหารบำรุงเล็บให้แข็งแรง อาหารที่มีประโยชน์ต่อเล็บ ได้แก่ ตับ นม ไข่แดง กรกไขมันโอเมก้า 3 จากปลาที่มีไขมันมากๆ ทานผักผลไม้ วิตามินต่างๆ ไบโอติน วิตามินบี 7 วิตามิน H เป็นต้น จะช่วยบำรุงเล็บที่เปราะบาง ขาดสารอาหาร ให้มีเล็บที่แข็งแรงไม่แตกหักได้ง่าย แล้วยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรง
4. ทำความสะอาดมืออยู่เสมอเพื่อความสวยงาม
ทำความสะอาดมืออยู่เสมอเพื่อความสวยงาม การตัดเล็บควรตัดปลายเล็บให้เข้าปลายนิ้วมือรักษาระยะห่างระว่างเล็บกับเนื้อไว้เพื่อรักษาความสวยงามของเล็บ อย่าตัดชิดเนื้อเกินไปเพราะอาจจะทำให้เล็บสั้น ใช้ตะใบเล็บไปทางเดียวกัน ไม่ควรถูไปถูมาจะทำให้เล็บเปราะได้ จากนั้นใช้ตะไบสำหรับให้เล็บมันเงาถูเบาๆ จากบริเวณเหนือจมูกเล็บจนถึงปลายเล็บ
5. แต่งแต้มสีสันให้เล็บสวยอยู่เสมอ
แต่งแต้มสีสันให้เล็บสวยอยู่เสมอ เคลือบเงาเล็บโดยใช้ยาทาเล็บชนิดใสหรือสีชมพูจางเพื่อให้มือสวยสุขภาพดี มั่นเพ้นเล็บให้มีสีสันไม่ทำซากจำเจ เพื่อความสดใสและสวยงามอยู่
อย่างไรก็ตาม หากสาว ๆ บำรุงเล็บมือให้มีสุขภาพที่ดีแล้ว ก็อย่าลืมบำรุงผิวหน้ากันด้วยนะคะ วันนี้เราก็มีตัวช่วยดีๆมานำเสนอคะ ตัวช่วยที่จะทำให้ใบหน้าของสาวๆ ดูขาวกระจ่างใส ด้วยผลิตภัณฑ์ Lyonesse เซรั่มและครีมบำรุงผิวหน้าที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ อุดมไปด้วยคุณค่าแห่งการบำรุงผิวหน้า ทำให้สาวๆมีผิวขาวเปล่งปลั่งได้ภายใน 14 วัน แน่นอนคะ

วันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

6 วิธี ผิวขาวแบบเร่งด่วน!!

ผิวหม่นหมอง ใคร ๆ ก็อยากจะหลีกเลี่ยง บางคนถึงขั้นที่รับไม่ได้ต้องหันไปเพิ่งแพทย์ อย่างการฉีดกลูต้าไธโอน กินคอลลาเจน แต่สาว ๆ รู้ไหมคะ ว่ายังมีอีกตั้งหลายวิธีที่จะทำให้ผิวของคุณขาวเร็วขึ้นได้ โดยที่ไม่ต้องพึ่งอะไรเสี่ยง ๆ แบบนี้เลย ซึ่งวันนี้เราก็มีสูตรทำให้ผิวขาวแบบเร่งด่วนมาฝากกันคะ รับรองว่าปลอดภัย และขาวขึ้นทันใจได้อย่างแน่นอน!
สูตรที่ 1 สครับผิวด้วยเกลือทะเล
นำเกลือทะเลไปตำให้ละเอียด จากนั้นผสมผงขมิ้นและนมสดลงไปเล็กน้อย คนให้เข้ากัน จากนั้นให้นำมาขัดผิวโดยให้ขัดวนบนผิวอย่างเบามือจนทั่วตัว เสร็จแล้วทิ้งไว้ประมาณ20-30นาที ค่อยล้างออกให้สะอาด เช็ดตัวให้แห้งแล้วทาโลชั่นสูตรผิวขาวทันที สูตรนี้ควรทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง จะช่วยผลัดเซลล์ผิวทำให้ขาวเร็วขึ้นอย่างได้ผล
สูตรที่ 2 ขัดผิวด้วยมะขามเปียก
นำมะขามเปียกมาผสมกับน้ำอุ่น คั้นเข้ากันพอให้ข้น ๆ จากนั้นนำมาขัดผิวโดยให้ขัดวน ๆ เป็นวงกลมให้ทั่วตัว เสร็จแล้วทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที ใช้ใยบวบขัดซ้ำอีกที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด วิธีนี้สามารถทำได้สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง จะช่วยทำความสะอาดผิว และเร่งกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออก ซึ่งผิวจะค่อย ๆ ขาวใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
สูตรที่ 3 พอกผิวด้วยโยเกิร์ตและมะนาว
นำโยเกิร์ตรสธรรมชาติมาผสมกับน้ำมะนาวสด คนให้เข้ากัน จากนั้นนำมาพอกผิวให้ทั่ว ทิ้งไว้ประมาณ 30-40 นาที แล้วค่อยล้างออก โดยให้พอกอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง วิธีนี้จะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าที่คล้ำเสียออกไป และช่วยทำให้ผิวขาวเร็วขึ้นได้ง่าย ๆ
สูตรที่ 4 ขัดผิวด้วยเบกกิ้งโซดา
นำเบกกิ้งโซดามาผสมกับมะขามเปียก เกลือ และนมสด คนให้เข้ากัน ทิ้งไว้สักพักแล้วค่อยนำส่วนผสมที่ได้มาขัดผิวให้ทั่ว จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที แล้วค่อยล้างน้ำออกให้สะอาด สูตรนี้สามารถทำได้สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง จะช่วยทำให้ผิวเนียนนุ่ม และขาวกระจ่างใสขึ้นแบบทันใจเลยล่ะค่ะ
สูตรที่ 5 สครับผิวด้วยน้ำตาลทรายแดง
นำน้ำตาลทรายแดงมาผสมกับน้ำมะนาวและนมสดเล็กน้อย คนให้เข้ากันพอให้เป็นเนื้อเหลว ๆ และน้ำตาลไม่ละลายจนหมด จากนั้นให้นำมาสครับผิวโดยขัดวน ๆ ให้ทั่วตัว ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วค่อยล้างน้ำออกให้สะอาด สูตรนี้สามารถทำได้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ผิวจะขาวปิ๊งและกระจ่างใสอย่างสังเกตเห็นได้ชัด และยังจะช่วยให้ผิวเนียนนุ่มขึ้นอีกด้วย
สูตรที่ 6 ขัดผิวด้วยขมิ้นชัน
นำขมิ้นชันสดมาตำให้ละเอียด พร้อมกับผสมมะขามเปียกและนมสดลงไปเล็กน้อย คนให้เข้ากัน จากนั้นให้นำมาขัดผิวให้ทั่วตัว จากนั้นปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที แล้วค่อยล้างน้ำออกให้สะอาด สูตรนี้สามารถทำได้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ผิวจะค่อย ๆ ขาวขึ้นเรื่อย ๆ รับรองไม่เกิน 1 เดือน เห็นผล !
อย่างไรก็ตาม หากสาว ๆ อยากมีผิวกายที่ดีแล้ว ก็ควรมีผิวหน้าที่ดีด้วย จะได้สวยครบเครื่องไปเลย วันนี้เราก็มีตัวช่วยดีๆมานำเสนอคะ ตัวช่วยที่จะทำให้ใบหน้าของสาวๆ ดูขาวกระจ่างใส ด้วยผลิตภัณฑ์ Lyonesse เซรั่มและครีมบำรุงผิวหน้าที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ อุดมไปด้วยคุณค่าแห่งการบำรุงผิวหน้า ทำให้สาวๆมีผิวขาวเปล่งปลั่งได้ภายใน 14 วัน แน่นอนคะ

วันเสาร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

8 เมนูอาหารตามสั่ง กินแล้วผิวสวยสุขภาพดี

วันนี้กินอะไรดี!!!???คงเป็นคำถามที่หาคำตอบยากเหลือเกินวันนี้เราจึงได้จัดสรรเมนูอาหารตามสั่ง ที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์เพื่อผิวสวยให้สาวๆ ไม่ต้องกังวลกับการเลือกเมนูอีกต่อไป โอวโหว สาวๆทั้งหลายต้องอ่านแล้วจ้า รู้หรือไม่ว่าการเลือกกินอาหารสามารถช่วยให้ผิวขาวใสได้ด้วยนะจ้ะ ไม่ใช่แค่ผลไม้หรือผักเท่านั้น เมนูอาหารตามสั่งมีประโยชน์นะคุณ เลือกกินให้ถูก หยิบเอาความดีงามของอาหารแต่ละชนิด คราวนี้จะได้มีผิวสวยๆได้เพียงแค่กินเท่านั้นเองค่ะ แต่ต้องระวังนิดหน่อยนะคะเพราะถ้ามัวแต่อยากสวยแต่กินเยอะไปเดี๋ยวความอ้วนจะถามหาเอาได้น๊า เป็นผู้หญิงน่ารักสดใสก็ต้องมีดีทั้งผิวพรรณและหุ่นเลยเนอะ
ผัดมักกะโรนีใส่แครอท
ผัดมักกะโรนีใส่แครอท – เพราะแครอทจะช่วยให้ผิวเปล่งปลั่งกระจ่างใส อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินเอ ที่จะช่วยบำรุงให้ผิวของคุณดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ อีกทั้งยังใส่มะเขือเทศ ที่มีวิตามินซีสูงอีกด้วย
บร็อคโคลี่ผัดหมู
บร็อคโคลี่ผัดหมู – ในบร็อคโคลี่ช่วยบำรุงผิวพรรณ เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิวหนัง ช่วยชะลอผิวพรรณไม่ให้เหี่ยวย่น ทำให้ดูอ่อนเยาว์ตลอดเวลา
หมูกระเทียม
หมูกระเทียม -เมนูธรรมดาๆที่ไม่ธรรมดา หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่ากระเทียมตัวช่วยชะลอความแก่ของสาวๆ ทำให้เลือดหมุนเวียนทั่วร่างกายและลดไขมันในเลือด และอุดมไปด้วยซัลเฟอร์ , กรดไลโปอิก (lipoic acid) ,กรดอะมิโนทอรีน (Taurine) ตัวช่วยเสริมสร้างเส้นใยคอลลาเจนที่ถูกทำลาย ให้กลับมาแข็งแรงดึงให้ผิวเต่งตึงเหมือนเด็กอีกครั้ง
แกงจืดสาหร่าย
แกงจืดสาหร่าย – สาหร่ายเป็นอาหารเพื่อความสวยอย่างแท้จริงเพราะมีสารอาหารที่มีประโยชน์ถึง 18 ชนิดแถมมีเส้นใยช่วยเรื่องระบบขับถ่ายและการขับสารพิษตกค้างในร่างกาย ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง มีสังกะสีที่สามารถสร้างคอลลาเจน อีกทั้งยังช่วยเรื่องผมร่วงได้อีกด้วย
คะน้าหมูกรอบ
คะน้าหมูกรอบ -ผักคะน้าเป็นผักที่มีวิตามินซีสูง ซึ่งมีส่วนช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อให้ชุ่มชื้นมากขึ้น ช่วยบำรุงผิวพรรณและป้องกันการติดเชื้อต่าง ๆ มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายได้
ผัดถั่วงอก
ผัดถั่วงอก – ถั่วงอกที่หลายๆคนเขี่ยทิ้งนั้น มีวิตามินอี ซึ่งส่วนช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น ผิวนุ่ม เปล่งปลั่งดูมีน้ำมีนวล
ต้มจืดแตงกวายัดใส้
ต้มจืดแตงกวายัดใส้ -แครอทจะมีเบต้าแคโรทีน และสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยฟื้นฟูสภาพผิว และปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายจากแสงแดดได้ ส่วนแตงกวาเป็นผักที่มีน้ำเยอะ ก็จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ไม่ให้แห้งหยาบกร้าน และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องผิวคล้ำเสีย และเกิดริ้วรอยจากแสงแดด และยังอุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินเค ที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใส สุขภาพดี นอกจากนี้อกไก่ยังอุดมไปด้วยโปรตีนที่ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน ให้ผิวกระชับ อ่อนวัยขึ้น
ข้าวผัดคะน้าปลาทู
ข้าวผัดคะน้าปลาทู -เมนูนี้จะใช้ข้าวกล้องแทนข้าวสวย ซึ่งข้าวกล้องจะอุดมไปด้วยสารอาหารหลายชนิด ทั้งวิตามินบี แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวสวยใสขึ้นได้ และลดการอักเสบ แล้วผักคะน้าก็ยังมีเบต้า แคโรทีนสูง และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอผิว ต่อต้านริ้วรอย และยังมีวิตามินซีช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นได้อีกด้วย ส่วนปลาทูนั้น จะมีกรดไขมันโอเมก้า ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวกระชับ ไม่ย่อนคล้อย ชะลอวัย ให้ดูเด็กขึ้น

วันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ทานแล้วดี..สมุนไพรลดเลือนริ้วรอย

“อายุที่เพิ่มมากขึ้น” ก็มักจะเกิดริ้วรอยตีนกา ร่องแก้ม และรูขุมขนกว้างตามมา วันนี้เรามีวิธีดูแลผิวหน้าให้อ่อนเยาว์กว่าอายุจริง ด้วยการใช้สมุนไพรธรรมชาติช่วยดูแลผิวหน้าพร้อมลดเลือนริ้วรอยแบบง่ายๆ ทานแล้วดี…
สมุนไพรลดเลือนริ้วรอย
1. โหระพา (Basil)
โหระพา เป็นพืชสมุนไพรที่มีกลิ่นหอม แถมยังช่วยบำรุงผิวเพื่อต่อต้านริ้วรอยได้เป็นอย่างดี เพราะอุดมไปด้วยสาร ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระเหนือกว่าวิตามินซี (Vitamin C) หรือวิตามินอี (Vitamin E) ถึง 50 เท่า! จึงมีคุณสมบัติต่อต้านริ้วรอยได้อย่างดีเยี่ยม
2. โสมจีน (Ginseng)
โสมจีน เป็นสมุนไพรมีฤทธิ์อุ่น ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยฟื้นฟู และปรับสภาพผิว ส่งเสริมการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ช่วยให้ผิวพรรณดูเด็ก สดใส ช่วยลดอาการผิวหนังแห้ง เหี่ยวย่น และทำให้ผิวชุ่มชื่นขึ้น
3. ขมิ้น (Turmeric)
ขมิ้น มีสาร Curcuminoid ที่ช่วยสังเคราะห์สารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายจากแสงแดด ยับยั้งการเกิดริ้วรอย ช่วยให้ผิวพรรณนุ่มนวล ขาวผ่องใส เต่งตึงดี พร้อมทั้งช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ปกป้องผิวจากสิว และอาการแผลอักเสบได้ดียิ่งขึ้น
4. นมผึ้ง (Royal Jelly)
นมผึ้ง อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และกรดอะมิโนโปรตีนนานาชนิด มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวใหม่และเนื้อเยื่อ ซึ่งที่มีประโยชน์อย่างมากต่อร่างกาย รวมถึงผิวพรรณ ซึ่งถือเป็นสมุนไพรต่อต้านริ้วรอยที่ดีที่สุด นอกจากนี้การทานนมผึ้งยังช่วยให้รู้สึกกระฉับกระเฉง ผิวผ่องขึ้นด้วย
5. เมล็ดองุ่น (Grape Seed)
เมล็ดองุ่น เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง พร้อมคืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวพรรณ ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย นอกจากนี้.. เมล็ดองุ่นยังมีส่วนช่วยให้ผิวหน้าเนียนใส เปล่งปลั่ง เพราะสามารถลดการผลิตเม็ดสีผิว จึงช่วยให้รอยฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยสิวจางลงได้ดี
“นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรอีกนานาชนิดที่ยิ่งทาน ผิวยิ่งเปล่งปลั่ง ลดเอนริ้วรอยได้ดี ”
อาทิ ดอกโรสแมรี่, กำยาน, กานพลู, สะเดา, ใบตำลึง, ผักชี,
ออริกาโน, เปลือกสน และเห็ดหลินจือ”
พอกแล้วดี..สมุนไพรลดริ้วรอยตีนกา ร่องแก้ม
สูตร 1 : ใบบัวบก
ขั้นตอน - ล้างใบบัวบก 1 กำมือ ให้สะอาด จากนั้นนำไปปั่นพร้อม น้ำต้มสุก ½ แก้ว กรองน้ำใบบัวบกที่ได้ นำสำลีชุบน้ำใบบัวบก พอกหน้าทิ้งไว้ 15 นาที ล้างออกให้สะอาด
สรรพคุณ - สูตรนี้ควรทำก่อนนอน น้ำใบบัวบกจะไปช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน จึงสามารถลบรอยตีนกาอย่างได้ผล (ควรทำอย่างสม่ำสม่ำเสมอถึงจะเห็นผล)
สูตร 2 : มะเขือเทศ
ขั้นตอน - ฝานมะเขือเทศสุก แปะทั่วใบหน้า 15 นาที หรือจะปั่นมะเขือเทศสุก 1 ลูก + น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา แล้วนำมาพอกใบหน้า 15-20 นาที จากนั้นล้างออกให้สะอาด
สรรพคุณ - สูตรนี้จะช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ผิวขาวใส ชุ่มชื้น ริ้วรอยลดเลือนลงได้เป็นอย่างดี (ควรทำอย่างสม่ำสม่ำเสมอถึงจะเห็นผล)
สูตร 3 : แครอท
ขั้นตอน - หั่นแครอท ½ ลูก จากนั้นผสมน้ำ ½ แก้ว ปั่นให้เนื้อเนียนข้น จากนั้นพอกหน้า 15 นาที ล้างออกให้สะอาด
สรรพคุณ - สูตรนี้มีสรรพคุณช่วยให้ผิวเนียนเรียบ เต่งตึง ชุ่มชื้น ทั้งยังช่วยสร้างอีลาสตินและคอลลาเจน ผิวหน้าเต่งตึงดูสดใสอ่อนกว่าวัย (ควรทำอย่างสม่ำสม่ำเสมอถึงจะเห็นผล)