วันพุธที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2559

8 วิธีทําให้หน้าเนียนใสไร้สิว เคล็ดลับดี ๆ ที่ต้องบอกต่อ

วิธีทําให้หน้าเนียน

ทุกวันนี้สาว ๆ หันมาให้ความสนใจและดูแลตัวเองกันมากขึ้น เพราะใคร ๆ ก็อยากจะดูดีดูสวยในสายตาคนอื่น ๆ ทั้งนี้ถ้าอยากจะดูดีแบบไร้ที่ติแล้วละก็ นอกจากเสื้อผ้า ทรงผม รูปร่าง และผิวพรรณที่ต้องให้ความสำคัญแล้ว เรื่องหน้าตาก็ถือเป็นปราการด่านแรกที่จะทำให้คนอื่นหันมาสนใจและประทับใจเราตั้งแต่แรกเห็นได้เช่นกันนะคะสาว ๆ ดังนั้นอย่ารอช้ากันอยู่เลยค่ะ รีบหันมาบำรุงความสวยด้วยการทำให้หน้าเนียนใสไร้สิวกันเลยดีกว่า ซึ่งเชื่อว่าปัญหาเหล่านี้หลาย ๆ คนอาจจะยังแก้ไม่ตก เพราะไม่รู้ว่าจะใช้วิธีไหนดีเพื่อทำให้หน้าสวยใส ดังนั้นวันนี้เราจึงได้นำ 8 วิธีทําให้หน้าเนียนใสไร้สิวที่สาว ๆ กำลังตามหามาฝากกันแล้วค่ะ บอกเลยว่าใครได้ลองแล้วจะต้องรัก เพราะเห็นผลดีจริง ๆ เอ้า ! ตามไปดูกันเลย...

วิธีทําให้หน้าเนียนใสไร้สิว เคล็ดลับดี ๆ ที่ต้องบอกต่อ


1. สวยใสไร้สิวด้วย "น้ำมะนาว"

มะนาว ถือเป็นตัวช่วยที่จะทำให้สาว ๆ มีใบหน้าที่เนียนใสไร้สิวได้อย่างเห็นผลและรวดเร็ว เพราะน้ำมะนาวจะช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียอันเป็นต้นเหตุของการเกิดสิว ทำให้ใบหน้าขาวใส โดยวิธีทำก็ไม่ยุ่งยาก เพียงแค่บีบน้ำมะนาวสด ๆ ลงในถ้วย จากนั้นใช้สำลีชุบแล้วนำมาทาบริเวณใบหน้า หรือหัวสิว ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาทีแล้วล้างหน้าให้สะอาด ทำแบบนี้บ่อย ๆ จะช่วยให้สิวอักเสบยุบลง ไม่มีสิวใหม่มากวนใจ และยังจะช่วยลดเลือนจุดด่างดำบนใบหน้าทำให้หน้าขาวกระจ่างใสขึ้นอีกด้วย

2. สวยใสไร้สิวด้วย "ขมิ้น"

ขมิ้น เป็นสมุนไพรที่จะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียอันเป็นต้นเหตุของการเกิดสิวได้ดีเยี่ยม อีกทั้งยังทำให้สิวอักเสบยุบลงได้ง่าย และช่วยให้รอยสิวเก่าจางลง โดยให้นำผงขมิ้นชันมาผสมกับน้ำผึ้งและนมสด เมื่อคนให้เข้ากันแล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที ล้างออกให้สะอาด ทำบ่อย ๆ ผิวหน้าของคุณจะเรียบเนียน รูขุมขนกระชับ สิวน้อยลง เพราะขมิ้นจะช่วยยับยั้งการเกิดสิวใหม่ได้เป็นอย่างดี


3. สวยใสไร้สิวด้วย "น้ำผึ้ง"

สรรพคุณของน้ำผึ้งนั้นมีประโยชน์มากมาย กับผิวหน้าก็เช่นกัน เพราะน้ำผึ้งจะช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรียทำให้ไม่เป็นสิวง่าย อีกทั้งยังทำให้หน้าเนียนนุ่มมากขึ้น เพียงแค่นำน้ำผึ้งมานวดหน้าให้ทั่ว ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที ล้างออกให้สะอาด หลังล้างหน้าจะรู้สึกได้ทันทีว่าผิวหน้านุ่มและชุ่มชื้นขึ้น หากยิ่งทำบ่อย ๆ นอกจากหน้าจะเนียนใสแล้วยังจะไม่มีสิวมากวนใจอีกด้วย

4. กำจัดสิวเสี้ยนด้วย "ไข่ขาว"

ไข่ขาว ถือเป็นผู้ช่วยชั้นดีในการกำจัดสิวเสี้ยนและสิวหัวดำ อีกทั้งยังจะช่วยทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างหมดจด โดยเริ่มจากล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น จากนั้นนำไข่ขาวมาทาให้ทั่วใบหน้า เสร็จแล้วให้ใช้สำลีแผ่นบาง ๆ แปะทับลงไปให้ทั่ว ทิ้งไว้จนรู้สึกหน้าตึง ๆ และไข่ขาวเริ่มแห้งให้ลอกแผ่นสำลีออกเบา ๆ สิวเสี้ยนจะหลุดออกมา จากนั้นล้างหน้าด้วยน้ำเย็นเพื่อปิดรูขุมขน สูตรนี้ทำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หน้าจะใสปิ๊ง ไม่มีสิว อีกทั้งรูขุมขนก็จะเล็กลงอีกด้วย


5. สวยใสไร้สิวด้วย "แอปเปิล"

แอปเปิล เป็นผลไม้ที่จะช่วยขจัดความหมองคล้ำของใบหน้าให้ขาวกระจ่างใส อีกทั้งยังช่วยลดริ้วรอย และรอยแดงจากสิวให้หายได้เร็วขึ้น โดยให้นำแอปเปิล 1 ลูกไปปั่นให้ละเอียดโดยไม่ต้องปอกเปลือก จากนั้นบีบน้ำมะนาวครึ่งลูกลงไป คนให้เข้ากัน เสร็จแล้วให้นำมาพอกให้ทั่วใบหน้า พักทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที ค่อยล้างออกให้สะอาด สูตรนี้เดือนหนึ่งสามารถทำได้ประมาณ 2-3 ครั้งค่ะ

6. ดื่มน้ำมาก ๆ

ถ้าอยากมีผิวหน้าผิวพรรณที่สดใส ร่างกายจำเป็นต้องดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ ซึ่งโดยปกติแล้วผู้หญิงควรจะต้องดื่มน้ำอย่างต่ำประมาณวันละ 2 ลิตร (8-9 แก้ว) แต่ถ้าอยากจะมีหน้าใส ไม่เป็นสิวบ่อย ๆ ควรจะดื่มน้ำให้ได้มากกว่าวันละ 2 ลิตรนะคะสาว ๆ


7. สครับหน้าใสด้วย "โยเกิร์ต"

การสครับผิวหน้าจะช่วยขจัดความหมองคล้ำ และกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ทำให้หน้าขาวกระจ่างใสไร้สิว โดยให้นำโยเกิร์ตรสธรรมชาติครึ่งถ้วย มาผสมกับเกลือป่นอีกครึ่งช้อนโต๊ะ คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นให้นำมาขัดผิวหน้าอย่างเบามือ แล้วทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที ล้างออกให้สะอาด โดย 1 สัปดาห์ควรสครับผิวหน้าอย่างน้อย 1 ครั้ง

8. ทาครีมบำรุงผิวหน้าที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ AHA และวิตามินซี

การเลือกครีมบำรุงผิวหน้าก็มีส่วนสำคัญเช่นเดียวกันนะคะสาว ๆ เพราะผิวหน้าของเราต้องการการบำรุง ซึ่งครีมที่เหมาะสมควรจะมีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว, มีส่วนผสมของ AHA จากธรรมชาติที่จะช่วยให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใส รวมถึงวิตามินซีที่จะช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว และเสริมสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวขาวกระจ่างใสและไม่มีริ้วรอยก่อนวัย

วิธีทําให้หน้าเนียนใสไร้สิวเหล่านี้ต้องบอกเลยว่าง่ายมาก ๆ แถมยังเห็นผลดีจริง ไม่เชื่อสาว ๆ ก็ลองไปพิสูจน์กันดูได้เลย

วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2559

สูตรพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง สูตรเด็ดเคลียร์ทุกปัญหาสิว

สูตรพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง

หากพูดถึง น้ำผึ้งรักษาสิว หลายคนย่อมคุ้นเคยกันดีกับ สูตรพอกหน้า โดยเฉพาะสำหรับใครที่ชื่นชอบการ พอกหน้ารักษาสิวด้วยน้ำผึ้ง อยู่เป็นประจำนอกจากสิวจะหายเร็วขึ้นแล้ว ยังบำรุงผิวหน้าให้นุ่มชุ่มชื้นและนวลเนียนอย่างน่าสัมผัสอีกด้วย เพราะน้ำผึ้งมีสรรพคุณช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้เป็นอย่างดี และยังมีวิตามิน แร่ธาตุอื่นๆ อีกหลายชนิด ที่จะช่วยบำรุงผิวอย่างล้ำลึกพร้อมๆ กัน วันนี้เราเลยไม่พลาดกับการรวบรวม สูตรพอกหน้าน้ำผึ้งรักษาสิว มาฝาก สาวๆ คนไหนไม่อยากพลาดสูตรสวย ต้องรีบมาติดตามกันด่วน

สูตรพอกหน้าน้ำผึ้งรักษาสิว เพื่อผิวเนียนใส มีสูตรใดบ้าง?

สูตรที่ 1 น้ำผึ้ง

วิธีทำ นำน้ำผึ้งประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ มาทาลงบนผิวหน้าจนทั่ว พร้อมกับนวดคลึงด้วยปลายนิ้วพร้อมๆ กันแต่หลีกเลี่ยงการนวดผิวในจุดที่เป็นสิว เพราะจะทำให้สิวอักเสบและลุกลามหนักขึ้นได้ ให้นวดจนทั่วจากนั้นพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง ต่อประมาณ 10 นาที แล้วล้างหน้าให้สะอาดด้วยน้ำอุ่น สำหรับสูตรพอกหน้าน้ำผึ้งรักษาสิวนี้ น้ำผึ้งจะช่วยดูดซับสิ่งสกปรกออกจากผิวได้อย่างล้ำลึก จึงถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยทำความสะอาดผิวได้อย่างหมดจด นอกจากสิวหายแล้ว ยังป้องกันการเกิดสิวได้อีกด้วย แถมผิวหน้าก็ยังเนียนนุ่มชุ่มชื้นแบบมีสุขภาพดีสุดๆ เลยทีเดียว

สูตรที่ 2 น้ำอุ่น + เกลือ + น้ำผึ้ง

วิธีทำ สูตรรักษาสิวนี้ เราจะทำกัน 2 ขั้นตอนค่ะ โดยขั้นตอนแรกให้สาวๆ นำน้ำอุ่น 1/2 ถ้วย มาผสมกับเกลือ 1/4 ช้อนชา คนให้เข้ากัน จากนั้นนำไม้พันสำลีมาจุ่มน้ำเกลือแล้วนำมาแต้มลงบนผิว ปล่อยสำลีเปียกไว้เช่นนั้นประมาณ 5-10 นาที เพื่อให้ผิวบริเวณดังกล่าวเกิดความอ่อนนุ่มขึ้น เสร็จแล้วก็เช็ดให้แห้ง ขั้นตอนต่อมาให้แต้มสิวด้วยน้ำผึ้งต่อไปเป็นอันดับสุดท้าย โดยแต้มไว้ 10 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด


สูตรที่ 3 น้ำผึ้ง + น้ำมะนาว

วิธีทำ ผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ กับน้ำมะนาว 1 ช้อนชา คนส่วนผสมให้เข้ากัน แล้วนำมาพอกหน้าจนทั่ว ปล่อยไว้ประมาณ 20-30 นาที จึงล้างหน้าให้สะอาด สูตรพอกหน้ารักษาสิว สูตรนี้ หากสาวๆ หมั่นพอกเป็นประจำ กรดจากมะนาวก็จะช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ทำให้สิวแห้งและยุบเร็ว อีกทั้งยังช่วยให้รอยสิวจางลงได้เร็วขึ้นด้วย ไม่เพียงเท่านั้นนะคะ สูตรนี้ยังช่วยทำความสะอาดผิวได้ล้ำลึก จึงป้องกันการเกิดสิวใหม่ ทำให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใส และทำให้รูขุมขนกระชับลงด้วยค่ะ

สูตรที่ 4 น้ำผึ้ง + มะขามเปียก + น้ำมะนาว

วิธีทำ ขยำเนื้อมะขามเปียกกับน้ำสะอาดจนได้น้ำข้นๆ จากนั้นเติมน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำมะนาว 1 ช้อนชา คนส่วนผสมให้เข้ากัน แล้วนำมาพอกหน้าจนทั่ว โดยพอกทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด สูตรพอกหน้ารักษาสิวสูตรนี้อาจจะมีกรด AHA จากธรรมชาติสูง ใครกลัวแสบหน้าก็อาจจะเติมนมสดไปด้วยเล็กน้อยก็ด้วย แต่รับรองเลยค่ะว่ากรดจากธรรมชาติจะทำหน้าที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย และช่วยฆ่าเชื้อสิว ทำให้สิวอักเสบยุบลงเร็วแถมยังช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว หากหมั่นพอกสัปดาห์ละ 2 ครั้ง รับรองจะทำให้ผิวหน้าสาวๆ ขาวกระจ่างใสจนสังเกตได้เลยล่ะ


สูตรที่ 5 น้ำผึ้ง + ขมิ้นชันผง + ดินสอพอง

วิธีทำ ให้นำดินสอพอง 2-3 เม็ดมาละลายน้ำ จากนั้นเติมผงขมิ้นเล็กน้อย และน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ คนส่วนผสมจนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน เสร็จแล้วนำมาพอกหน้าไว้ประมาณ 15-20 นาที จึงล้างหน้าให้สะอาด หมั่นพอกบ่อยๆ จะช่วยรักษาสิวอักเสบให้ยุบลงได้อย่างเป็นธรรมชาติ สิวผดที่เคยมีก็จะหายไป แถมผิวหน้ายังเนียนนุ่มกระจ่างใสน่าสัมผัสอีกด้วย

สูตรที่ 6 น้ำผึ้ง + น้ำมะนาว + มะละกอ

วิธีทำ บดเนื้อมะละกอสุกให้ละเอียด 1/2 ถ้วย เติมน้ำมะนาวและน้ำผึ้งอย่างละ 1 ช้อนโต๊ะลงไปผสม คนส่วนผสมจนเข้าเนื้อเดียวกัน แล้วนำมาพอกหน้าจนทั่ว ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที แล้วล้างหน้าให้สะอาด สำหรับสูตรพอกหน้ารักษาสิวนี้ จะช่วยรักษาสิวอักเสบให้หายเร็ว และช่วยลดเลือนรอยสิวให้จางลงได้เร็วขึ้นด้วย

ครบวงจรทีเดียวว่ามั้ยคะ สำหรับ สูตรพอกหน้าน้ำผึ้งรักษาสิว จะเห็นได้ว่า น้ำผึ้งนอกจากจะช่วยลดการอักเสบและช่วยฆ่าเชื้อสิวให้หายเร็วแล้วยังมีสารอาหารที่จะช่วยบำรุงผิวให้นุ่มชุ่มชื้นอย่างมีสุขภาพดีได้แบบล้ำลึก ยิ่งหากเติมวัตถุดิบอื่นๆ ไปเพิ่มก็จะยิ่งผสานคุณค่าของสารบำรุงผิวและทำให้สิวหายเร็ว อีกทั้งยังช่วยลดรอยสิวให้จางลงเร็วขึ้นด้วย

วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2559

8 วิธีปลุกผิวให้สวยสดใส สวยได้โดยไม่ต้องแต่งหน้า...

คงไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่อยากมีผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่งหรอกจริงไหมล่ะ เพราะหากมีผิวดีแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาประโคมเครื่องสำอางลงบนใบหน้า เพื่อเสริมความมั่นใจอีกเลย เพราะยังไงคุณก็พร้อมอวดผิวจริงทุกเวลาอยู่แล้ว แต่การที่จะมีผิวดีสดใสไม่ได้ขึ้นอยู่กับการทาสกินแคร์อย่างเดียว เพราะหากคุณไม่ลองทำ 8 วิธีนี้ดู ไม่ว่าจะซื้อครีมบำรุงหน้าแพงแค่ไหน ก็ไม่ได้ผลหรอก

วิธีรักษาผิว

ผิวสดใสสุขภาพดี ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการครีมราคาแพง แต่มันขึ้นอยู่กับ 8 วิธีนี้ด้วยต่างหากล่ะ ใครอยากมีผิวพรรณสดใส ก็ลองมาดูกันเลยดีกว่า
  • ดื่มน้ำสะอาด
  • ไม่มีสกินแคร์อะไรที่จะดีเท่าการดื่มน้ำสะอาดอีกแล้วล่ะ เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยขับของเสียออกจากร่างกายแล้ว ก็ยังช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวด้วย ถ้ามัวแต่ปล่อยให้ผิวขาดน้ำละก็ ระวังผิวจะแห้งและเกิดริ้วรอยเร็วกว่าที่คิด ฉะนั้นการวางขวดน้ำไว้ใกล้มือและจิบน้ำเปล่าบ่อย ๆ เป็นสิ่งที่ควรทำนะคะ
  • บำรุงด้วยมอยส์เจอไรเซอร์
  • อย่างที่บอกไปแล้วว่าการดื่มน้ำช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว แต่ยังไงก็ต้องหามอยส์เจอไรเซอร์ดี ๆ มาบำรุงเพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ในผิวด้วย ลองเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะกับผิวมาใช้ดูสิ ถ้าคุณมีผิวแห้งก็ลองเลือกแบบเนื้อครีมข้น ส่วนสาวผิวมันก็เลือกแบบเป็นเนื้อเจลเพื่อไม่ให้รู้สึกเหนอะหนะ ถ้าผิวชุ่มชื้นแล้วรับรองปัญหาผิวไม่ตามมาและสาวผิวมันก็จะหน้ามันน้อยลงด้วยแหละ


  • ไม่ขัดผิวบ่อย
  • อย่าเพิ่งคิดว่าการขัดผิวจะช่วยให้สิวทั้งหลายที่อยู่บนใบหน้าหายไป เพราะการขัดผิวบ่อย ๆ ถือเป็นการทำร้ายผิวต่างหากล่ะ ทางที่ดีขัดผิวแค่ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ก็พอแล้ว
  • เลือกใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ
  • จริงอยู่ที่การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ทำจากสารเคมี อาจจะช่วยแก้ปัญหาผิวได้อย่างดีและเห็นผลทันตา แต่มันก็รุนแรงกับผิวอยู่ไม่น้อย ถ้าอย่างนั้นลองหันมา DIY ไอเทมบำรุงผิวหน้าเองบ้างดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นนำผลไม้ต่าง ๆ มาบำรุงก็ดีกับผิวทั้งนั้นแหละจ้า


  • ไม่เครียด
  • หากลองทำวิธีต่าง ๆ ดังที่ได้กล่าวไปแล้วเพื่อให้ผิวสดใส แต่รู้ไว้เถอะว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ตลอดแน่ ถ้าหากคุณยังมีเรื่องเครียดมากมายอยู่ในใจ ฉะนั้นต้องรู้จักปล่อยวางไม่คิดมากและมองโลกในแง่บวกเข้าไว้ รับรองว่าคุณจะเป็นสาวที่มีความสุข ซึ่งก็จะทำให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่งตามไปด้วย
  • กินคลีน
  • การที่ผิวมีปัญหาสิวหรือปัญหาผิวทั้งหลาย รู้ไหมว่ามันก็เกี่ยวกับอาหารที่คุณสาว ๆ กินเข้าไปด้วยนะ ถ้าอยากให้ผิวสวยสดใสไม่มีปัญหา ก็ลองมาเลือกกินอาหารคลีนดูสิ
  • กินวิตามินเสริม
  • คงเป็นเรื่องยากที่ในชีวิตประจำวันคุณจะได้รับวิตามินเข้าสู่ร่างกายครบถ้วนเพียงพอ ฉะนั้นเจ้าวิตามินเสริมเป็นเม็ด ๆ นี่แหละช่วยคุณได้อย่างมากเลยทีเดียว ลองหาพวกน้ำมันตับปลามากินดูสิคะ เพราะมันจะช่วยให้ผิวดูสดใสเปล่งปลั่ง อีกทั้งยังช่วยบำรุงเล็บ ผม และอีกหลายอย่างเลยแหละ
ลองทำตาม 8 วิธีง่าย ๆ นี้ รับรองได้ว่าคุณสาว ๆ ก็จะได้มีผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่งโดยไม่ต้องง้อเมคอัพเลยแหละคะ

วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เป็นสิวที่เดิม ๆ ไม่หายสักที จัดการได้กับ 5 วิธีไม่ให้สิวกลับมากวนใจ

วิธีรักษาสิว

ปัญหาหนึ่งของสาว ๆ ที่หลายคนมักจะปวดหัวกันบ่อย ๆ ก็คือ "สิว" ทั้งนี้ถ้าขึ้นมาแล้วหายไปสาว ๆ ก็คงไม่กังวลสักเท่าไร แต่ถ้าหากขึ้นแต่ที่เดิมซ้ำ ๆ เป็น 2-3 วันทีหาย แล้วอีกไม่นานก็กลับขึ้นมาใหม่ แบบนี้สาว ๆ คงจะรู้สึกไม่ดีแน่ ๆ ซึ่งสาเหตุของการเป็นสิวที่เดิมซ้ำ ๆ แบบนี้ ส่วนใหญ่สาเหตุมักจะมาจากการอุดตันของสิวซ้ำซ้อน เมื่อเป็นสิวแล้วหลายคนมักจะใช้ยาแต้มสิวให้มันยุบลงไป แต่ทั้งนี้ถึงแม้สิวจะยุบและหายก็จริง แต่ว่าความจริงแล้วไขมันก็ยังคงอุดตันอยู่ที่เดิม ไม่ถูกขับออก จึงทำให้เวลามันอักเสบขึ้นมาจึงขึ้นอยู่แต่ที่เดิม ๆ นั่นเอง ทั้งนี้หากใครที่กำลังเจอกับปัญหานี้อยู่ มาหาวิธีรักษาสิวให้ตรงจุดและถูกวิธีกันดีกว่าค่ะ ซึ่งในบทความนี้ก็มีวิธีจัดการกับสิวมาบอกสาว ๆ กันด้วยล่ะ ไปดูกันเลยว่ามีวิธีอะไรบ้าง

เป็นสิวที่เดิม ๆ ซ้ำ ๆ ไม่หายสักที สามารถรับมือได้ ด้วยวิธีเหล่านี้...
  • กดสิวให้ถูกวิธี
  • เมื่อสิวอักเสบขึ้นมาแล้ว สาว ๆ จะต้องกดสิวให้ถูกวิธี เพราะถ้ากดหรือบีบสิวไม่ถูกวิธี เอาเฉพาะแต่หนองออกมา แต่หัวสิวไม่ออก ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สิวกลับขึ้นมาอักเสบที่เดิมอีกได้ ทั้งนี้การกดสิวที่ถูกวิธีก็คือ ก่อนกดสิวให้ประคบหัวสิวด้วยผ้าชุบน้ำอุ่น และใช้ที่กดสิวและเข็มเป็นตัวช่วย โดยก่อนกดสิวให้เช็ดอุปกรณ์ให้สะอาดด้วยแอลกอฮอล์ก่อน จากนั้นจึงค่อย ๆ เริ่มกดสิว โดยใช้เข็มสะกิดหัวสิวให้เปิดออกก่อน จากนั้นใช้ที่กดสิวเล็งให้หัวสิวอยู่บริเวณตรงกลางของห่วง ค่อย ๆ กดลงไปอย่างเบามือ เมื่อหัวสิวเริ่มออกมาแล้วให้ใช้เข็มสะกิดหัวสิวออกมาอีกที เสร็จแล้วให้ใช้สำลีชุบน้ำเกลือล้างแผลมาเช็ดทำความสะอาด สุดท้ายแต้มด้วยยาแต้มสิว เพียงเท่านี้ก็จะไม่มีสิวอุดตันกลับมาเป็นซ้ำแล้วค่ะ


  • ล้างหน้าให้สะอาด
  • เมื่อสิวหายและยุบลงแล้ว ควรใส่ใจในเรื่องความสะอาดของใบหน้า โดยหมั่นล้างหน้าเป็นประจำ 1-2 ครั้งต่อวัน และจะต้องล้างหน้าให้สะอาดด้วยนะคะ เพราะไม่อย่างนั้นสิวอาจจะกลับมาขึ้นอักเสบอีกครั้ง และต้องปวดหัวกับการรักษาสิวอีกนาน ทางที่ดีควรล้างหน้าให้สะอาดอย่างสม่ำเสมอด้วยน้ำยาล้างหน้าสูตรอ่อนโยน เพื่อป้องกันไว้จะดีที่สุดค่ะ
  • หลีกเลี่ยงใช้เครื่องสำอางที่จะก่อให้เกิดการอุดตันของสิว
  • ทุกวันนี้มีเครื่องสำอางให้สาว ๆ ได้เลือกใช้มากมาย แต่ทั้งนี้การใช้เครื่องสำอางแต่ละชิ้นจะต้องคำนึงถึงเรื่องการอุดตันของรูขุมขนบนใบหน้าด้วย เพราะนั่นคือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสิวอักเสบได้ง่าย โดยวิธีการดูเครื่องสำอางนั้นก็ง่าย ๆ เลือกที่เป็นสูตร Oil-free ไว้ เพียงเท่านี้ก็มั่นใจในเบื้องต้นได้แล้วค่ะ


  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • ในแต่ละวันสาว ๆ ควรนอนพักผ่อนให้เพียงพอ ทางที่ดีควรเข้านอนก่อน 4 ทุ่ม เพราะถ้าหากนอนไม่เพียงพอ บวกกับความเครียด ผิวก็จะกระตุ้นต่อมไขมันให้หลั่งไขมันออกมามากขึ้น ซึ่งจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสิวอักเสบได้ง่ายนั่นเอง
  • ไปหาหมอฉีดสิว
  • สำหรับใครที่ใจไม่กล้าพอที่จะกดสิวด้วยตัวเอง หรือกลัวว่าหน้าจะเป็นแผลเป็นหรือรอยหลุมสิว อีกทางเลือกหนึ่งก็คือไปหาหมอสิวเพื่อให้ฉีดสิว และกดหัวสิวออกมา วิธีนี้จะช่วยให้สิวหายเร็วได้ค่ะ แต่ทั้งนี้ก็ไม่ควรที่จะฉีดสิวบ่อย ๆ โดยที่ไม่กดหัวสิวออกมา เพราะสิวอุดตันบริเวณนั้นมันอาจจะกลับมาอักเสบ และกลายเป็นสิวที่เดิมอีกครั้งได้

เรียนรู้วิธีรับมือกับสิวที่มักจะขึ้นแต่ที่เดิม ๆ กันไปแล้ว คราวนี้สาว ๆ ก็ไม่ต้องปวดหัวกันอีกแล้วล่ะค่ะ หากสิวมาเมื่อไรก็จัดการด้วยวิธีที่เอามาฝากกันได้เลย คราวนี้ล่ะ ! หมดปัญหาสิวขึ้นที่เดิมซ้ำ ๆ กวนใจแน่นอน

วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2559

วิธีรักษาสิวอุดตัน 3 ขั้นตอนง่าย ๆ ช่วยให้สิวหายเร็วทันใจ

วิธีรักษาสิวอุดตัน

สิวอุดตัน นับว่าเป็นสิวที่สร้างความรำคาญใจให้กับสาว ๆ ได้เป็นอย่างมาก และยิ่งอากาศร้อน ๆ แบบนี้เจ้าสิวตัวการก็มักจะผุดขึ้นมาให้เราเจ็บใจอยู่บ่อย ๆ และกว่าจะหายก็ต้องใช้เวลานาน แถมยังจะทำให้ใบหน้าสวย ๆ ของเรากลายเป็นถนนลูกรังขรุขระอีกต่างหาก ทั้งนี้ สำหรับสาเหตุที่หลาย ๆ คนเป็นสิวอุดตันกันบ่อย ๆ นั้น ก็มักจะเกิดจากการอุดตันของสิ่งสกปรกและไขมันส่วนเกินตามรูขุมขน ถึงแม้สิวลักษณะนี้จะเป็นสิวที่สงบเสงี่ยมหลบอยู่ภายใต้รูขุมขน แต่ถ้าได้อักเสบขึ้นมาเมื่อไรแล้วละก็ สามารถทำให้เป็นเรื่องใหญ่ได้เหมือนกัน และถ้าหากไม่รักษาให้ดี หน้าของสาว ๆ ก็อาจจะกลายเป็นหลุมสิวได้ ดังนั้นถ้าจะให้ดี สาว ๆ มาศึกษาวิธีรักษาสิวอุดตันเอาไว้จะดีกว่าค่ะ ง่าย ๆ เลย เพียงแค่ทำตาม 3 ขั้นตอนต่อไปนี้ รับรองว่าสิวอุดตันจะหายเร็วทันใจ และหน้าของคุณก็จะกลับมาสวยใสได้เหมือนเดิมค่ะ

3 ขั้นตอนรักษาสิวอุดตันแบบง่าย ๆ แค่ 3 ขั้นตอนนี้ ช่วยให้สิวหายเร็วทันใจได้อย่างแน่นอน

  • ขั้นตอนที่ 1 ใช้อุปกรณ์กดสิว
  • อันดับแรกให้จัดการสิวอุดตันด้วยที่กดสิว โดยให้เช็ดทำความสะอาดอุปกรณ์ด้วยแอลกอฮอล์เสียก่อน จากนั้นค่อย ๆ กดหัวสิวให้ออกมา


  • ขั้นตอนที่ 2 ใช้ครีมแต้มสิว
  • เมื่อกดหัวสิวออกมาเรียบร้อยแล้ว ให้แต้มยารักษาสิวตรงบริเวณที่เป็นสิว สำหรับยารักษาสิวนี้ให้เลือกสูตรสำหรับจัดการสิวอุดตันโดยเฉพาะ จะช่วยให้สิวหายเร็วขึ้น เพราะยาจะเข้าไปช่วยละลายสิวอุดตันที่ยังคงเหลือค้างอยู่ภายใต้รูขุมขน ทั้งนี้จะช่วยให้แผลหายเร็ว และช่วยให้รอยดำรอยแดงจากสิวจางลงได้ด้วย


  • ขั้นตอนที่ 3 รับประทานยารักษาสิว
  • ขั้นตอนนี้จะช่วยให้สิวหายได้เร็วยิ่งขึ้น โดยให้เลือกรับประทานยารักษาสิวกลุ่มเรตินอยด์ ซึ่งเป็นยาที่จะช่วยจัดการปัญหาสิวอุดตันได้โดยเฉพาะ กินแล้วจะช่วยให้แผลและรอยสิวหายเร็ว แถมยังจะช่วยลดปัญหาสิวอุดตันในอนาคตได้ด้วย

รู้จักวิธีการรักษาสิวอุดตันให้หายเร็วทันใจกันไปแล้ว ต่อไปสาว ๆ ก็ไม่ต้องกังวลใจกับเจ้าสิวตัวการนี้กันอีกแล้วค่ะ ผุดขึ้นมาเมื่อไรก็จะการซะให้เรียบ รับรองว่าหายเร็วทันใจ และหน้าของคุณก็จะกลับมาสวยใสได้ในเร็ววันอย่างแน่นอน

วันพุธที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2559

วิธีรักษาหลุมสิว รวม 5 วิธีรักษาหลุมสิวแบบธรรมชาติ ง่าย ๆ แต่ได้ผลจริง

สำหรับคนที่เป็นสิว ปัญหาหนึ่งที่ต้องเจอหลังจากสิวหายและทำให้หนักใจสุด ๆ ก็คือ "รอยหลุมสิว" นั่นเอง ซึ่งรอยหลุมสิวนี้เกิดขึ้นได้จากการที่ปล่อยให้สิวอักเสบลุกลามจนกินพื้นที่ลึกลงไปถึงใต้ผิวหนังชั้นใน ซึ่งหากบีบ หรือรักษาผิดวิธี หรือแม้กระทั่งปล่อยไว้ให้หายเองโดยไม่รักษาก็จะส่งผลให้เกิดพังผืดใต้รอยแผลเป็นจนทำให้หน้ากลายเป็นหลุมเป็นบ่อเหมือนพื้นผิวดวงจันทร์นั่นเอง ซึ่งปัญหานี้หากเป็นแล้วรักษาได้ยาก กว่าจะหายก็ต้องใช้เวลานาน แต่ทั้งนี้ก็ไม่ต้องกังวลจนเกินไป เพราะใช่ว่าจะไม่มีวิธีรักษาเลย

วิธีรักษาหลุมสิว

สำหรับวิธีรักษารอยหลุมสิวนั้น อย่างที่กล่าวไปข้างต้นคืออาจต้องใช้เวลานานสักหน่อย แต่ถ้าหากปฏิบัติและรักษาเป็นประจำ รอยหลุมสิวก็จะค่อย ๆ จางลงจนหายได้ในที่สุด โดยวิธีรักษานั้นก็มีอยู่หลายวิธีด้วยกัน บางคนอาจจะพึ่งทางการแพทย์อย่างการทำเลเซอร์ ฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งวิธีนี้ก็ได้ผลดี หายเร็ว แต่อาจมีค่าใช้จ่ายสูงมาก และนอกจากนี้ก็ยังมีวิธีรักษาหลุมสิวแบบธรรมชาติอีกด้วย ซึ่งจะมีวิธีไหน ใช้อะไรรักษาได้บ้าง วันนี้มีข้อมูลมาฝากกันแล้วค่ะ ถ้าอยากหน้าใสเรียบเนียนไร้หลุมสิวเร็ว ๆ ละก็ รีบตามมาดูกันเลย...

รวมวิธีรักษาหลุมสิว วิธีรักษาหลุมสิวแบบธรรมชาติ ด้วยวัตถุดิบที่หาได้ง่าย ๆ จากในครัว จะมีอะไรบ้าง และต้องรักษายังไง ใครที่กำลังมีปัญหานี้ตามมาดูกันเลยค่ะ


  • ใบบัวบก
  • ใบบัวบก ถือเป็นสมุนไพรที่รักษารอยหลุมสิวได้อย่างมหัศจรรย์ เพราะสรรพคุณของใบบัวบกนั้นมีสารไกลโคไซด์ที่สามารถช่วยในการรักษาสิว และช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่สำคัญยังช่วยฟื้นฟูผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของชั้นผิวหนัง ทำให้ฟื้นฟูรอยแผล รอยหลุมสิวให้จางลงได้ สำหรับวิธีทำนั้นก็ง่ายมาก ๆ เลยค่ะ เพียงแค่นำใบบัวบกประมาณ 1 กำมือมาล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นนำไปปั่นให้ละเอียด แล้วนำมาพอกหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาทีแล้วล้างออก โดยให้ทำอย่างนี้เป็นประจำ รอยหลุมสิวจะค่อย ๆ จางลงอย่างเห็นได้ชัด
  • หอมแดงและมะนาว
  • นำหอมแดงมาฝานเป็นแผ่นบาง ๆ ทุบเบา ๆ ให้น้ำหอมแดงออกมา จากนั้นบีบน้ำมะนาวใส่หอมแดงที่ฝานเอาไว้ เสร็จแล้วให้นำหอมแดงมาโปะทิ้งไว้บริเวณผิวหนังที่เป็นรอยหลุมสิว ประมาณ 5-10 นาที แล้วล้างออก สูตรนี้ให้ทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง รอยหลุมสิวจะค่อย ๆ จางลง เพราะในหอมแดงมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยฟื้นฟูรอยหลุมสิว รวมถึงมะนาวก็ยังมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ และมีวิตามินซีสูง สามารถช่วยรักษาพวกริ้วรอยจากสิว และรอยหลุมสิวได้ดี


  • มะละกอสุก
  • สำหรับใครที่มีปัญหารอยหลุมสิวไม่ลึก มะละกอสุกเป็นตัวช่วยอย่างดีเลยล่ะค่ะ เพราะในมะละกอสุกนั้นจะมีเอ็นไซม์ที่ช่วยกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วหลุดออก รวมถึงยังมีสรรพคุณช่วยสมานแผลได้ดี ดังนั้นจึงเป็นผลไม้ที่จะช่วยแก้ปัญหารอยหลุมสิวได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว โดยวิธีทำให้นำมะละกอสุกมาปอกเปลือกออก ล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำมาบดให้ละเอียด จากนั้นให้นำมาพอกหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด เมื่อทำเป็นประจำรอยหลุมสิวก็จะค่อย ๆ จางลง
  • ว่านหางจระเข้
  • ว่านหางจระเข้ มีสรรพคุณช่วยบำรุงรักษาผิว ทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และนอกจากนี้คุณสมบัติของว่านหางจระเข้ที่สำคัญอีกอย่างก็คือช่วยสมานผิวได้ดี ช่วยกระตุ้นให้ผิวหนังหดตัว และป้องกันการอักเสบ ดังนั้นใครที่มีปัญหารอยหลุมสิวว่านหางจระเข้ช่วยคุณได้ค่ะ โดยให้นำว่านหางจระเข้มาปอกเปลือกออกเอาแต่วุ้นใส ๆ จากนั้นนำไปล้างให้สะอาด แล้วนำมาบดให้ละเอียด เสร็จแล้วนำมาพอกหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที แล้วล้างออก โดยให้ทำเป็นประจำ สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง นอกจากรอยหลุมสิวจะดูจางลงแล้ว สุขภาพผิวหน้าของคุณจะดีขึ้นด้วย


  • น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น
  • น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ก็ถือเป็นผู้ช่วยแก้ปัญหารอยหลุมสิวได้ดีเลยทีเดียว เพราะในน้ำมันมะพร้าวจะมีกรดลอริกช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถช่วยให้รอยหลุมสิวอ่อนนุ่มและจางลงได้ด้วย โดยหลังจากล้างหน้าก่อนนอนให้ทาน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้จนเช้าโดยไม่ต้องล้างออก สรรพคุณของน้ำมันมะพร้าวจะช่วยให้ปัญหารอยหลุมสิวค่อย ๆ ดีขึ้น นอกจากนี้ยังจะช่วยลดปัญหาสิว และทำให้ผิวหน้าเนียนนุ่มชุ่มชื้นขึ้นอีกด้วย

การรักษาหลุมสิวให้หายนั้นจำเป็นต้องใช้เวลา แต่ก็หายได้ แต่ทางที่ดีเราควรป้องกันไม่ให้เกิดรอยหลุมสิวตั้งแต่แรกจะดีที่สุด โดยสิ่งที่ควรทำก็คือพยายามไม่ให้เป็นสิวอักเสบลุกลาม หรือถ้าเป็นแล้วก็ควรรีบรักษาให้สิวหายเร็ว ๆ อย่าบีบหรืออย่าปล่อยทิ้งไว้ เพราะถ้าขืนชักช้าเกินไปคุณอาจมีหลุมสิวอยู่บนใบหน้าแล้วก็เป็นได้ ทีนี้แหละอาจจะต้องรักษารอยหลุมสิวกันอีกนานเลยทีเดียวกว่าใบหน้าของคุณจะกลับมาเรียบเนียนอีกครั้ง ดังนั้นท่องไว้เลยว่าป้องกันไว้ก่อนจะดีที่สุด

วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2559

8 สูตรกำจัดสิวเสี้ยนที่จมูก ที่คุณควรจะรู้ไว้ เพื่อหน้าสวยใสไร้สิว!

ปัญหาเรื่องความงามสำหรับผู้หญิง เชื่อแน่ว่าเกินกว่าครึ่งจะต้องปวดหัวกับการหาวิธีกำจัดสิวเสี้ยนดำ ๆ ตามจุดต่าง ๆ บนใบหน้ากันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะบริเวณจมูก ที่ดูเหมือนว่าจะเห็นชัดและโดดเด่นกว่าใครเพื่อน ทั้งนี้จะปล่อยไว้ก็คงดูไม่ดี ดังนั้นเรามาหาวิธีจัดการกับสิ้วเสี้ยนกันดีกว่าค่ะสาว ๆ ซึ่งบทความนี้ได้รวบรวมสูตรเด็ดสำหรับกำจัดสิวเสี้ยนที่จมูกมาให้คุณได้ลองทำตามกันแล้ว หากชอบสูตรไหนก็เลือกเอาไปใช้กันได้เลย รับรองสิวเสี้ยนหายเกลี้ยงไม่มากวนใจอย่างแน่นอน ไปดูกัน !

สูตรกำจัดสิวเสี้ยน

เปิดสูตรกำจัดสิวเสี้ยนที่จมูก รวมวิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยขจัดสิวเสี้ยนให้หายเกลี้ยง ใครที่กำลังมองหาวิธีกำจัดสิวเสี้ยนกันอยู่ ลองมาดูแล้วทำตามกันเลย...

  • สูตรที่ 1 ไข่ขาว น้ำผึ้ง และน้ำมะนาว
  • นำไข่ไก่ 1 ฟองมาตอกใส่ถ้วย แยกไข่ขาวและไข่แดงออกจากกัน (ใช้แต่ไข่ขาว) จากนั้นให้ผสมน้ำผึ้ง และน้ำมะนาวลงไป ตีให้เข้ากัน ล้างหน้าให้สะอาดด้วยน้ำอุ่น แล้วนำส่วนผสมที่เตรียมไว้มาทาที่บริเวณจมูก ใช้สำลีแผ่นบาง ๆ มาแปะทับลงไปบนบริเวณที่ทาไข่ขาว เสร็จแล้วทาไข่ขาวทับอีกที รอจนสำลีแห้งสนิท แล้วค่อย ๆ ลอกสำลีจากล่างขึ้นบน สิวเสี้ยนจะหลุดออกมา จากนั้นให้ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นเพื่อปิดรูขุมขน ซึ่งสูตรนี้สามารถทำได้สัปดาห์ละครั้ง
  • สูตรที่ 2 มะขามเปียก กับน้ำมะนาว
  • นำมะขามเปียกมาละลายน้ำพอข้น ๆ บีบน้ำมะนาวผสมลงไปเล็กน้อย คนให้เข้ากัน จากนั้นให้นำมาทาบริเวณจมูก ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีแล้วล้างออก สูตรนี้ให้ทำเป็นประจำ จะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและทำให้สิวเสี้ยนลดลงได้ดี

  • สูตรที่ 3 เบกกิ้งโซดา กับน้ำมะนาว
  • เริ่มจากบีบน้ำมะนาวใส่ถ้วย จากนั้นใส่เบกกิ้งโซดาผสมลงไป คนให้เข้ากันจนได้เนื้อครีมข้น ๆ จากนั้นให้นำมาพอกไว้ที่จมูก หรือบริเวณที่มีสิวเสี้ยน ทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น สูตรนี้ทำบ่อย ๆ จะช่วยให้สิวเสี้ยนหายเกลี้ยงได้ง่าย ๆ แถมยังทำให้จมูกเรียบเนียนขึ้นอีกด้วย
  • สูตรที่ 4 เกลือเม็ดละเอียด น้ำผึ้ง และน้ำมะนาว
  • เริ่มจากนำผ้าขนหนูผืนบาง ๆ ไปชุบน้ำอุ่น บิดให้หมาดแล้วนำมาโปะที่บริเวณจมูกทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที เพื่อเป็นการเปิดรูขุมขน จากนั้นให้ผสมเกลือเม็ดละเอียด เข้ากับน้ำผึ้ง และน้ำมะนาว เมื่อคนเข้ากันแล้วให้นำมานวดและขัดที่บริเวณจมูกอย่างเบามือประมาณ 5 นาที แล้วค่อยใช้ผ้าขนหนูเช็ดออกเบา ๆ ล้างหน้าให้สะอาดด้วยน้ำเย็น สูตรนี้ให้ทำสัปดาห์ละครั้ง สิวเสี้ยนจะค่อย ๆ หายไป

  • สูตรที่ 5 น้ำผึ้ง
  • ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นให้สะอาด นำน้ำผึ้งมาทาและนวดคลึง ๆ ที่บริเวณจมูก จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีแล้วล้างออก สูตรนี้ให้ทำเป็นประจำ น้ำผึ้งจะช่วยกำจัดสิวเสี้ยนให้หายไป และช่วยให้ผิวนุ่มขึ้นด้วย
  • สูตรที่ 6 ดินสอพอง ขมิ้นชัน และน้ำมะนาว
  • นำดินสอพองมาละลายกับน้ำอุ่น ผสมผงขมิ้นชัน และน้ำมะนาวลงไป คนให้เข้ากันจะได้เนื้อครีมข้น ๆ จากนั้นให้นำมาทาที่บริเวณจมูก รอจนเนื้อครีมแห้ง ล้างออกให้สะอาด แล้วใช้ผ้าขนหนูเช็ดเบา ๆ บริเวณที่มีสิวเสี้ยน สูตรนี้สามารถทำได้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง สิวเสี้ยนจะค่อย ๆ หลุดและหายไปเอง

  • สูตรที่ 7 ข้าวโอ๊ตกับน้ำกุหลาบ
  • บดข้าวโอ๊ตให้เป็นเนื้อละเอียด ผสมน้ำกุหลาบลงไป พอให้ได้เนื้อข้น ๆ จากนั้นให้นำส่วนผสมที่ได้มาทาที่จมูก ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด สูตรนี้สามารถทำได้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง จะช่วยกำจัดสิวเสี้ยนที่มีอยู่แล้วให้หายไป อีกทั้งยังจะช่วยป้องกันการเกิดสิวเสี้ยนใหม่อีกด้วย
  • สูตรที่ 8 นมสด กับผงเจลาติน
  • ผสมนมสดกับผงเจลาตินในถ้วยกระเบื้องในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 ให้เข้ากัน เสร็จแล้วให้นำเข้าไปอบในไมโครเวฟ โดยใช้ความร้อนปานกลางประมาณ 30 วินาที เมื่อละลายแล้วให้นำออกมาคนและพักไว้จนหายร้อน จากนั้นให้ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นให้สะอาด นำส่วนผสมที่ได้มาทาบาง ๆ ทิ้งไว้บริเวณจมูก รอจนแห้ง แล้วค่อย ๆ ลอกจากล่างขึ้นบน สิวเสี้ยนจะหลุดออกมา เสร็จแล้วให้ล้างหน้าให้สะอาดด้วยน้ำเย็น สูตรนี้สามารถทำได้สัปดาห์ละครั้งค่ะ

สูตรกำจัดสิวเสี้ยนที่จมูกทั้ง 8 สูตรนี้ คัดมาแล้วว่าเด็ดจริง แถมยังทำได้ง่าย ๆ รับรองว่าแค่ทำตามนี้สิวเสี้ยนหายวับ ไม่มีเหลือให้กวนใจสาว ๆ อย่างแน่นอนค่ะ

วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2559

รวม 5 เคล็ดลับเพื่อผิวสวยใส เคล็ดลับง่ายๆที่คุณทำได้ทันที!!

ใบหน้าถือเป็นส่วนที่มีความสำคัญกับคนทุกคน เพราะการที่เราจะทำความรู้จักกับใครสักคน ก็ต้องมองและจดจำใบหน้าของคนๆนั้น เพื่อเป็นการสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกพบ เราจึงต้องมีการดูแลผิวหน้าให้ขาวใส ไร้สิว ไร้ริ้วรอย แต่จะมีสักกี่คนกันที่ดูแลผิวหน้าได้อย่างถูกวิธี เพราะเชื่อว่าสมัยนี้สาว ๆ ทำงานหนักจนละเลยการดูแลผิวหน้า ซึ่งอันที่จริงแล้วการบำรุงรักษาใบหน้าของเราให้เรียบเรียนไร้ปัญหามากวนใจนั้นไม่ใช่แค่การทาครีมบำรุงผิวเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงวิธีดูแลผิวหน้าที่ถูกต้องด้วย

เคล็ดลับเพื่อผิวสวยใส

บทความนี้จึงได้นำเคล็ดลับเพื่อผิวสวยใส เคล็ดลับง่ายๆที่คุณทำได้ทันที!! ซึ่งเป็นวิธีดูแลผิวหน้าง่าย ๆ ที่ทำสามารถทำได้ด้วยตนเอง ว่าแต่จะมีวิธีอะไรบ้างนั้น เรามาดูกันเลยค่ะ

  1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับใบหน้า
  2. ผิวหน้าของเราอาจเผชิญกับหลายสิ่งที่มองไม่เห็น และสิ่งเหล่านั้นอาจเป็นตัวการทำร้ายผิวโดยไม่รู้ตัว จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องดูแลผิวหน้าให้ดี โดยเริ่มต้นจากการล้างหน้า เพราะสิ่งสกปรก เครื่องสำอาง และความมันที่ตกค้างอยู่บนผิวหน้าอาจไปอุดตันรูขุมขน ทำให้ผิวดูหยาบ ไม่เรียบเนียน และดูอิดโรย

    • ก่อนจะเริ่มขั้นตอนการดูแลผิวหน้า คุณต้องล้างมือให้สะอาดก่อนเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกสัมผัสผิวหน้าของคุณมากขึ้น
    • หลีกเลี่ยงการเอามือสัมผัสใบหน้าเท่าที่จะทำได้ เพราะทุกๆ ครั้งที่มือสัมผัสใบหน้าของคุณ โอกาสที่สิ่งแปลกปลอมจะสัมผัสโดนผิวหน้าของคุณก็ยิ่งมีมากขึ้น
    • ล้างหรือเช็ดทำความสะอาดแปรงแต่งหน้า โทรศัพท์ตั้งโต๊ะ โทรศัพท์มือถือ หรืออะไรก็ตามที่มีโอกาสสัมผัสกับผิวหน้าของคุณให้สะอาดอยู่เสมอ

  3. ระวังแสงแดดจ้า
  4. รังสียูวีบีจากดวงอาทิตย์ไม่เพียงเผาไหม้ทำร้ายผิวหนังเท่านั้น แต่รังสียูวีเอจากแสงแดดยังทำให้ผิวเหี่ยวย่นแลดูมีอายุด้วย โรคมะเร็งผิวหนังที่ทุกคนควรพึงระวังก็มีสาเหตุหลักมาจากแสงแดด ซึ่งทำให้ผิวเกิดจุดดำๆ ผิวเปลี่ยนสี เกิดกระ ริ้วรอยตื้นๆ หรือริ้วรอยหนาลึก อีกทั้งแสงแดดยังเข้าไปทำลายเส้นใยอิลาสตินและคอลลาเจนและทำให้เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้ แต่สิ่งต่างๆ เหล่านี้สามารถป้องกันได้หากเราให้ความใส่ใจและระมัดระวังอยู่เสมอ

    • ทาครีมกันแดดก่อนออกแดดเสมอ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารกันแดด (SPF: Sun Protection Factor) มีมากมายทั้งครีมบำรุงผิวหน้ายามกลางวัน โลชั่นทาผิว เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม ฯลฯ คุณอาจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีค่าเอสพีเอฟ 30 ขึ้นไปสำหรับการปกป้องระหว่างวัน โดยควรใช้ตามคำแนะนำที่ปรากฏอยู่บนฉลากผลิตภัณฑ์ด้วย หากคุณจะไปว่ายน้ำหรือต้องออกแรงจนเสียเหงื่อเยอะ ให้ใช้ครีมกันแดดที่กันน้ำได้ โดยควรทาซ้ำเรื่อยๆ ตลอดทั้งวันเพื่อการปกป้องผิวอย่างสมบูรณ์
    • ปกปิดร่างกายให้มิดชิดเมื่อต้องออกแดด โดยอาจจะเลือกสวมหมวกปีกกว้าง แว่นกันแดดอันใหญ่ ถุงมือ หรือแม้กระทั่งอาศัยร่มเงาของต้นไม้ใหญ่เพื่อหลบแดด
    • ควรเริ่มใช้ครีมกันแดดตั้งแต่อายุน้อยๆ เพราะมันจะช่วยปกป้องผิวคุณตั้งแต่เยาว์วัย และถ้าคุณเริ่มใช้เร็ว มันก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งในกิจวัตรประจำวันของคุณโดยที่คุณไม่ทันสังเกตเลย

  5. สครับผิวให้กระจ่างใส
  6. หากคุณอยากขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป คุณก็ต้องสครับผิว ตอนที่เรายังเป็นวัยรุ่น ร่างกายของเราจะผลัดเซลล์ผิวทุกๆ 2 สัปดาห์โดยประมาณ แต่เมื่อเราโตขึ้น กระบวนการนี้จะค่อยๆ ช้าลงและช้าลง จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องมีตัวช่วยที่ดี นั่นก็คือสครับขัดผิว ไม่เพียงแต่สครับคุณภาพดีจะเผยเซลล์ผิวอ่อนเยาว์ที่อยู่ภายใต้เซลล์ผิวที่ตายแล้วเท่านั้น แต่สครับเหล่านี้ยังช่วยให้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าสามารถซึมซาบเข้าไปในเซลล์ผิว เพื่อบำรุงดูแลผิวหน้าของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

    • สครับขัดผิวจากสารธรรมชาติ หรือที่เรียกว่า แมนวลสครับ อาทิ เฮอร์บาไลฟ์ อิสสแตนท์ รีวิล เบอร์รี่ สครับ ประกอบด้วย อนุภาคที่ช่วยในการสครับผิว ได้แก่ เมล็ดบลูเบอร์รี่ เม็ดบีดส์โจโจ้บา นัทเชลส์ น้ำตาล และเกลือ อนุภาคเล็กๆ เหล่านี้ เมื่อนวดเบาๆ บนผิวแล้ว จะช่วยผลัดชั้นของเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกไป
    • สครับผิวจากสารเคมี มักมีส่วนผสมของกรดไกลโคลิค กรดซาลิไซลิค และกรดแลคติค ซึ่งอาจไม่เหมาะกับผิวทุกประเภท โดยเฉพาะผิวแพ้ง่ายที่อาจก่อให้เกิดอาการระคายเคือง
    • ทุกคนสามารถมีผิวที่กระจ่างใสขึ้นได้ด้วยสครับ คุณอาจจะสครับผิวสัก 1-3 ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และอย่าลืมอ่านคำแนะนำก่อนใช้ด้วยล่ะ

  7. เติมความชุ่มชื้นให้ผิวตลอดวัน
  8. เมื่อไหร่ก็ตามที่ผิวของคุณมีน้ำชุ่มชื้น ใบหน้าคุณจะดูอ่อนเยาว์และกระจ่างใสขึ้น คุณจึงควรมีมอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นในช่วงกลางวันและครีมบำรุงผิวเนื้อเข้มข้นในยามกลางคืน เพื่อช่วยสร้างเกราะป้องกันความชุ่มชื้นของผิวและบำรุงผิวตลอด 24 ชั่วโมง มอยส์เจอร์ไรเซอร์ไม่ได้จำเป็นสำหรับผิวหน้าเท่านั้น แต่มันยังจำเป็นสำหรับผิวกายของคุณด้วย เราทุกคนจึงควรให้ความสำคัญกับการบำรุงผิวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าและถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราที่ขาดไม่ได้

    • คุณควรเลือกมอยส์เจอร์ไรเซอร์สำหรับผิวหน้าที่ผ่านการทดสอบทางการแพทย์แล้ว โดยเน้นการเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ยาวนาน 8 ชั่วโมงหรือมากกว่า และช่วยลดริ้วรอยบางๆ ไปจนถึงริ้วรอยลึก
    • การเติมความชุ่มชื้นให้ผิวในยามกลางคืนมีความสำคัญมากๆ เช่นเดียวกับการบำรุงผิวในยามกลางวัน คุณจึงไม่ควรเข้านอนโดยปราศจากไนท์ครีมเนื้อเข้มข้นที่จะช่วยฟื้นคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวในระหว่างที่คุณหลับ

  9. ยิ้มเข้าไว้
  10. โดยทางเทคนิคแล้ว นี่อาจไม่ใช้เคล็ดลับของการดูแลผิวโดยตรง แต่ถ้าคิดดูให้ดี หากเรานึกถึงดวงตา ริมฝีปาก เซรั่มบำรุงผิวและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวคุณภาพเยี่ยมทั้งหลายที่จะช่วยให้เราดูดีขึ้น เชื่อเถอะว่ารอยยิ้มที่เปล่งความงามของใบหน้า ทั้งดวงตาที่เป็นประกาย และริมฝีปากที่แย้มยิ้ม จะช่วยให้คุณดูดีมากกว่าผลิตภัณฑ์ใดๆ จะทำได้ นั่นเพราะรอยยิ้มทำให้คุณดูมีความสุข มีจิตใจที่ร่าเริงสดใส และยังทำให้คุณดูเด็กลงอีกด้วยนะ

เคล็ดลับที่เป็นประโยชน์เหล่านี้ทั้งง่าย ทำได้จริง และยังทรงประสิทธิภาพด้วย สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการที่คุณมุ่งมั่นที่จะบำรุงดูแลผิวพรรณอยู่ตลอดเวลาโดยไม่มีข้อยกเว้น Jacquie สรุปไว้อย่างน่าสนใจว่า “การดูแลผิวเป็นสิ่งที่เราควรทำทุกๆ วัน และห้ามมีข้อแก้ตัวเด็ดขาด ไม่ว่าจะผู้ชาย ผู้หญิง หรือวัยรุ่นก็ควรต้องดูแลผิวพรรณของตัวเองให้ดูดี การดูแลผิวนั้นสำคัญพอๆ กับที่เราต้องอาบน้ำและแปรงฟันทุกวัน ซึ่งมันก็ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง และเมื่อคุณได้เริ่มลองทำและเห็นผลลัพธ์บ้างแล้วล่ะก็ มันจะกลายเป็นเรื่องเคยชินสำหรับคุณไปโดยปริยาย ผิวหนังคืออวัยวะที่ใหญ่ที่สุดในร่างกายและเป็นอวัยวะที่เสื่อมลงได้เร็วกว่าอวัยวะอื่นๆของร่างกาย เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราจะต้องดูแลผิวของเราให้ดีตลอดเวลาทุกวัน!” เมื่อเรามีเคล็ดลับเด็ดๆ อยู่ในมือแล้ว จะมัวรอช้าอยู่ใย มาเริ่มดูแลผิวให้สวยเริ่ดกันเลยดีกว่า…

วันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2559

7 ข้อดีของการอาบน้ำเย็น ถึงจะหนาวไปนิด แต่รับรองว่าดีกับสุขภาพชัวร์

ข้อดีของการอาบน้ำเย็น

ใกล้ฤดูหนาวเข้ามาทุกที บางพื้นที่ก็คงมีอากาศเย็นในช่วงเช้ากันแล้วใช่ไหมล่ะคะ และปัญหาใหญ่ในช่วงอากาศหนาว ๆ ก็คือ การอาบน้ำเย็น เพราะกว่าจะทำใจอาบได้แต่ละทีก็ต้องใช้เวลา แถมบางทีก็รู้สึกหนาวจนไม่อยากอาบน้ำ เลยพาลทำให้วันนี้ก็ซักแห้งไปเสียเลย แต่รู้หรือเปล่าว่าการอาบน้ำเย็นเนี่ยมีประโยชน์มากเลยนะ ถึงแม้ว่าจะหนาวไปหน่อยก็ตาม แต่มันก็ส่งผลดีกับสุขภาพร่างกายของเราได้อย่างคาดไม่ถึง ในบทความนี้เราได้นำประโยชน์ดี ๆ ของการอาบน้ำเย็นมาบอกเล่าให้ฟังกัน ใครที่ไม่ชอบอาบน้ำเย็นต้องเปลี่ยนมุมมองแล้วล่ะ

7 ข้อดีของการอาบน้ำเย็น เพื่อผิวสวยสุขภาพดี
  • เพิ่มระบบการเผาผลาญ
  • ตามธรรมชาติแล้วเมื่อร่างกายของเราสัมผัสกับความหนาวเย็น ความหนาวเย็นนั้นจะกระตุ้นให้ร่างกายผลิตไขมันสีน้ำตาลซึ่งเป็นไขมันที่ใช้ในการเผาผลาญพลังงาน ยิ่งมีเจ้าไขมันชนิดนี้มากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะช่วยให้เผาผลาญแคลอรี่ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้ลดน้ำหนักได้ โดยเมื่อรางกายเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้นแล้ว ก็จะทำให้ความดันโลหิตและอุณหภูมิในร่างกายของเราสูงขึ้น
  • ร่างกายสร้างฮอร์โมนเพิ่มขึ้น
  • อาจจะมีหนุ่ม ๆ หลายคนที่ไม่ชอบอาบน้ำเย็น แต่เชื่อเถอะค่ะว่าการอาบน้ำเย็นน่ะดีจริง ๆ เพราะมีการศึกษาในปี 1993 พบว่า การอาบน้ำเย็นนั้นช่วยให้ฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชายเพิ่ม แถมยังมีการวิจัยเพิ่มเติมแสดงให้เห็นอีกว่าการอาบน้ำเย็นช่วยทำให้ปริมาณของอสุจิเพิ่มขึ้น ในขณะที่การอาบน้ำอุ่นทำให้จำนวนอสุจิลดลงซะอีก


  • ช่วยลดภาวะซึมเศร้า
  • เชื่อหรือไม่ว่า แค่เพียงอาบน้ำเย็นก็ช่วยลดภาวะซึมเศร้าได้ นั่นก็เป็นเพราะว่าเมื่อน้ำเย็นกระทบกับผิวแล้วมันจะส่งแรงกระตุ้นจำนวนมากจากปลายประสาทไปสู่สมอง ซึ่งให้ผลใกล้เคียงกับการยารักษาโรคซึมเศร้าเลยเชียว โดยจะทำให้ผู้ป่วยสงบจิตใจลงและลดอาการซึมเศร้าได้
  • บำรุงผมและผิวพรรณ
  • คงมีสาว ๆ จำนวนไม่น้อยเลยล่ะที่รักผมมากจนไม่ยอมให้ผมผ่านความร้อนใด ๆ แต่กลับสระผมด้วยน้ำอุ่น ทั้ง ๆ ที่จริงแล้วน้ำอุ่นนี่ล่ะตัวร้ายเลย เพราะการสระผมด้วยน้ำอุ่นจะทำให้หนังศีรษะแห้งจนลอกเป็นขุยและกลายเป็นรังแคมากวนใจในที่่สุด ในขณะที่การอาบน้ำอุ่นก็ให้ผลกับผิวพรรณไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ เพราะการอาบน้ำอุ่นจะทำให้ผิวเสียความชุ่มชื้นและทำให้หิวแห้ง ดังนั้นทางที่ดีควรจะอาบน้ำและสระผมด้วยน้ำเย็นจะดีกว่า เพื่อที่ความชุ่มชื้นจะได้คงอยู่ในผิว แถมยังทำให้ผมมีสุขภาพที่ดีอีกด้วย
  • ช่วยทำให้มีแรง
  • การอาบน้ำเย็นช่วยทำให้เราตื่นได้เต็มตาไม่ต่างจากการดื่มกาแฟเลย เพราะการอาบน้ำเย็นจะช่วยไปกระตุ้นประสาทส่วนต่าง ๆ ในร่างกายที่ยังทำงานไม่เต็มที่ให้ทำงานดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจและการหายใจให้ดีขึ้นอีกด้วย ถ้าใครที่รู้สึกว่าการตื่นนอนตอนเช้ามันยากเย็นนักละก็ ลองลุกขึ้นมาอาบน้ำเย็นในตอนเช้าดูสิคะ รับรองว่าเห็นผลแน่นอน


  • ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น
  • นอกจากจะช่วยให้ตื่นตัวแล้ว การอาบน้ำเย็นยังช่วยทำให้นอนหลับได้สบายอีกด้วยนะเพราะหลังจากที่ร่างกายตื่นตัวด้วยน้ำเย็นแล้ว หลังจากนั้นร่างกายของเราก็จะผ่อนคลายและสงบลง ทำให้เรานอนหลับได้ดีขึ้นและยาวนานขึ้น ใครทำกำลังเป็นโรคนอนไม่หลับขอแนะนำให้อาบน้ำเย็นทุกวันก่อนนอนดีที่สุด
  • ป้องกันความเครียด
  • การอาบน้ำเย็นไม่เพียงช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย แต่ยังช่วยป้องกันความเครียด ซึ่งจะไปช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของเราแข็งแรงขึ้น นอกจากนี้ยังมีการแนะนำให้อาบน้ำเย็นเพื่อบรรเทาอาการปวดเรื้อรังและอาการอักเสบอีกด้วย ถึงแม้ว่าการอาบน้ำเย็นจะไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไรในช่วงอากาศหนาว แต่เชื่อเถอะค่ะว่ามันมีประโยชน์มากมายจริง ๆ ถึงแม้เราอาจจะรู้สึกหนาวจนสั่นเวลาอาบน้ำ แต่พออาบเสร็จแล้วเราจะรู้สึกอุ่นขึ้นมาในทันทีเลย ไม่เชื่อกันใช่ไหมล่ะค่ะ ถ้าอย่างนั้นลองทำดูสักวันสิ จะเป็นตอนเช้าหรือตอนเย็นก็ได้ รับรองว่าได้ผลดีต่อสุขภาพแน่นอนเลย


วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

วิธีรักษาสิวด้วยตัวเอง เทคนิคดีๆในการกำจัดสิว ด้วยวัตถุดิบใกล้ตัว

การรักษาสิวเป็นเรื่องที่เราทุกคนควรจะรู้เอาไว้ เพราะเราทุกคนมีโอกาสที่จะเกิดสิวขึ้นได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นสิวที่ใบหน้า สิวที่หลัง ลำคอ หรือสิวบริเวณหน้าอก ส่วนใหญ่เราจะพบสิวบริเวณใบหน้า ซึ่งเรามักจะเอาใจใส่เป็นพิเศษ เพราะใบหน้าเป็นส่วนที่แสดงถึงความเป็นตัวตนของเราเมื่อแรกพบ ส่วนใหญ่ช่วงวัยรุ่นเราจะเป็นสิวกันเยอะ เพราะฮอร์โมน Androgen ถูกผลิตออกมา ฮอร์โมนตัวนี้จะกระตุ้นให้ต่อมไขมันใต้ผิวหนังผลิตไขมันออกมาในปริมาณมาก ทำให้มีโอกาสอุดตันในรูขุมขนได้สูง จึงเป็นเหตุผลที่ช่วงวัยรุ่นเป็นสิวกันบ่อยค่ะ

วิธีรักษาสิว

ไม่ใช่เพียงช่วงวัยรุ่นเท่านั้นที่เราจะมีโอกาสพบกับสิว แม้แต่ช่วงวัยทำงานหรือวัยกลางคนก็สามารถเป็นสิวกันได้ทั้งนั้น และมีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดสิว ฉะนั้นวิธีการรักษาสิวจึงเป็นเรื่องที่มีความต้องการสูง วิธีการน้ั้นก็มีหลายอย่าง ทั้งรับการรักษาจากแพทย์เฉพาะด้าน การรักษาสิวด้วยตัวเอง การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่างที่ทำให้เกิดสิว ฯลฯ ในบทความนี้เราก็มีแนวทางการรักษาสิวด้วยตัวเองมาให้คุณได้อ่านกัน เพื่อที่จะได้นำไปรักษาสิวที่คุณกำลังเป็นอยู่ ซึ่งเราจะเน้นวิธีการแบบง่ายๆ และได้ผล เลือกใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ เป็นการรักษาสิวแบบธรรมชาติเลยก็ว่าได้ เรามาดูกันดีกว่า แล้วเลือกดูว่าแนวทางไหนที่เหมาะกับคุณบ้าง

วิธีการรักษาสิวด้วยตัวเอง
  • รักษาสิวด้วยน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้ง
  • การใช้น้ำมะนาวรักษาสิวนั้นเราใช้อยู่เป็นประจำเลยค่ะ เพราะสามารถหาได้ง่าย เรามีน้ำผึ้งติดตู้เย็นไว้ตลอดเลย หากเป็นสิวก็มักจะเอาน้ำผึ้งใส่ถ้วยใบเล็กๆ นิดนึง บีบน้ำมะนาวใส่ลงไปอีกนิดแล้วคนให้เข้ากัน เราก็ล้างหน้าให้สะอาดเช็ดหน้าให้แห้ง แล้วเอาน้ำผึ้งผสมมะนาวมาทาให้ทั่วใบหน้า รอ 15 – 20 นาที จึงล้างหน้าให้สะอาด จะพบว่าผิวหน้าของเราสะอาดเนียนนุ่มชุ่มชื้นมากกว่าเดิม ทำเป็นประจำจะช่วยให้สิวยุบ ยิ่งสิวผดนี่ได้ผลค่อนข้างดีเลยหล่ะ
  • ควรรีบล้างหน้าเมื่อกลับมาถึงบ้าน
  • หากคุณออกไปทำงานแล้วกลับบ้านตอนเย็น ควรใช้น้ำเปล่าล้างหน้าซะหน่อย เพื่อขจัดฝุ่นละออง คราบเหงื่อ หรือสิ่งสกปรกต่างๆ ที่ที่ตกค้างอยู่บนผิวหน้า และหลังจากที่คุณไปออกกำลังกายจนเหงื่อท่วมตัวแล้ว หลังจากรอให้ร่างกายเย็นลงแล้วสักพัก ก็ให้รีบล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดเลยค่ะ อย่าปล่อยให้เหงื่อไคลหมักหมมอยู่บนผิวหน้าเป็นเวลานาน เพราะแบคทีเรียและสิ่งสกปรกต่างๆ จะทำให้เกิดสิวหรือโรคผิวหนังได้ค่ะ
  • อย่าบีบสิว
  • บ่อยครั้งที่เรามักจะบีบสิวบนใบหน้าของเรา วัยรุ่นบางคนยิ่งบีบสิวให้กันด้วย ซึ่งอันที่จริงเราไม่ควรที่จะแตะมันด้วยซ้ำ เพราะมือของเรานั้นเต็มไปด้วยเชื้อโรค ซึ่งจะทำให้สิวเกิดการอักเสบ กลายเป็นสิวอักเสบที่มีขนาดใหญ่ขึ้น อาจจะทำให้เกิดแผลเป็นหรือหลุมสิวได้
  • พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด


  • การที่ชีวิตเรามีแต่ความเครียดนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย มันส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตและสุขภาพกายของเรา ทั้งยังส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพในการทำงานของเราด้วย เพราะหากเราเครียดก็จะทำให้นอนไม่หลับ ทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ ตอนไปทำงานก็จะเบลอๆ มีโอกาสทำงานพลาดสูง และผิวหน้าจะผลิตไขมันออกมามากยิ่งขึ้น สิวก็จะยิ่งขึ้นมากกว่าเดิม ฉะนั้นควรผ่อนคลายความเครียดและหลีกเลี่ยงการนอนดึกนะคะ
  • ความมันบนใบหน้าต้องดูแลให้ดี
  • สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสิวก็คือความมันบนใบหน้านี่แหล่ะค่ะ ควรเอาใจใส่ตรงนี้บ้าง เพราะหากปล่อยให้ผิวหน้ามันแผล่บแล้ว แน่นอนว่าสิวจะต้องมาเยือนคุณ หากหน้ามันมากเกินไปก็ควรจะล้างหน้าขจัดความมันออกไปเสียบ้าง แต่อย่าล้างบ่อยเกินนะเดี๋ยวจะยิ่งทำให้สิวขึ้นเยอะมากกว่าเดิม สมัยนี้ก็มีกระดาษซับมันสำหรับผิวหน้าก็ลองหามาใช้ดู ซึ่งก็ช่วยขจัดความได้ส่วนหนึ่ง แต่หากมีปัญหาหน้ามันมากๆ ก็ลองไปปรึกษาแพทย์ดูนะ เค้าจะได้วินิจฉัยและอาจจะให้ยาควบคุมฮอร์โมน Androgen ซึ่งตรงส่วนนี้ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์เท่านั้นค่ะ
  • ควบคุมเครื่องสำอาง
  • คุณควรจะเลือกใช้เครื่องสำอางที่ไม่มีไขมันหรือไม่ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน หากคุณเป็นสิวขึ้นเยอะเต็มใบหน้า และเริ่มมีสิวอักเสบเกิดขึ้น ก็ควรจะหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางไปก่อนนะคะ เพื่อไม่ให้เป็นการสร้างความระคายเคืองต่อผิวหน้าเพิ่มไปอีก ช่วงนี้ควรใส่ใจรักษาความสะอาดและควบคุมความมันบนใบหน้า รวมถึงเรื่องอาหารการกินและการพักผ่อนอย่างเพียงพอค่ะ
  • งดกินของมัน
  • อาหารประเภทของผัด ของทอดคุณควรจะงดไปก่อนในช่วงที่เป็นสิว เพราะการที่เราบริโภคอาหารที่มีน้ำมันเยอะ จะยิ่งทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามาก ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลทำให้เกิดสิวบนใบหน้าของเรา และที่สำคัญหากบริโภคของมันบ่อยๆ ก็จะทำให้คุณอ้วนอย่างไม่ต้องสงสัย
  • การดื่มน้ำก็สำคัญ

  • น้ำเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีพอยู่แล้ว ฉะนั้นในแต่ละวันอย่าลืมดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายด้วยนะ เพื่อที่เซลล์ต่างๆ ในร่างกายของเราจะได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และการดื่มน้ำเยอะๆ ยังจะช่วยขับสารพิษตกค้างต่างๆ ออกจากร่างกายของเราอีกด้วย ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยรักษาสิวบนใบหน้าของเรา สำหรับใครที่เป็นสิวเยอะ การดื่มน้ำสะอาดผสมน้ำมะนาวในทุกเช้าหลังจากตื่นนอน ก็สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการชะล้างพิษที่ตกค้างในร่างกายของเราได้
  • การออกกำลังกายนั้นสำคัญ
  • นอกจากการออกกำลังกายจะช่วยให้เราเป็นคนแข็งแรง ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บแล้ว มันยังช่วยให้ผิวพรรณของเราผุดผ่อง ช่วยป้องกันและรักษาสิวได้อีกด้วย เพราะการออกกำลังกายจะช่วยขับเหงื่อออกมา ซึ่งเป็นการขับสารพิษตกค้างในร่างกาย และสิ่งตกค้างตามผิวออกมาด้วย ช่วยให้ผิวของเราสดชื่น ระบบโลหิตไหลเวียนดีขึ้น ฉะนั้นควรหาเวลาออกกำลังกายกันบ้างนะคะ
  • ใช้กระเทียมรักษาสิว
  • วิธีนี้ขอบอกก่อนว่าให้ทดสอบก่อนใช้จริง เพราะบางคนผิวบอบบางอาจเกิดอาการแพ้ได้ วิธีใช้กระเทียมรักษาสิวก็คือให้เอากระเทียมสดมาฝานเป็นแผ่นๆ แล้วเอามาถูเบาๆ ตามบริเวณที่เป็นสิว แล้วปล่อยทิ้งไว้ 20 นาที จึงล้างออกให้สะอาด จะเป็นการช่วยทำให้สิวยุบตัวเร็วขึ้น ช่วยให้รอยแดงจากสิวจางลง

เรื่องของสิวนี้ถ้าจะให้ดีเราควรจะป้องกันไม่ให้เกิดสิวจะดีกว่า เพราะเราจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลารักษากันอีก ยิ่งใครที่เป็นสิวอักเสบแล้วได้ทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ เราก็ต้องมาทำการรักษารอยแผลเป็นกันอีก ซึ่งจะยุ่งยากมากๆ ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดสิว หมั่นดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดโอกาสการเกิดสิวให้กับตัวเรานั่นเองค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

5 วิธีกินอาหารเพื่อลดสิว แค่เปลี่ยนอาหารหน้าของคุณก็สวยใสไร้สิวได้ไม่ยาก

วิธีกินอาหารเพื่อลดสิว

5 วิธีกินอาหารเพื่อลดสิว แค่เปลี่ยนหน้าก็ใส สิวหายขาดไม่กลับมากวนใจ กินแบบนี้แล้วไม่ต้องใช้ยาไม่ต้องเสียเวลาเข้าคลีนิครักษาให้ลำบากเลยเลย!

สาว ๆ คนไหนที่เคยประสบปัญหาสิวไม่หายขาด ชนิดที่เรียกว่าหามาหลายหมอ กินยามาหลายขนาน แถมยังเลือกใช้แต่สกินแคร์และรักษาความสะอาดอย่างดี แต่สิวเจ้ากรรมก็ยังไม่เคยหายไปจากใบหน้าของเราซะที บอกเลยว่าการดูแลภายนอกแบบที่ทำอย่างเดียวคงไม่พอค่ะ เพราะสิวก็สามารถเกิดขึ้นได้จากการกินของเราเช่นเดียวกันค่ะ ถ้าอยากหน้าใสไร้สิวละก็ ลองมากินอาหารตาม 5 วิธีที่กระปุกดอทคอมนำมาฝากกันดีกว่า รับรองว่าทำแล้วสุขภาพจะดี ใบหน้าจะสวยใสไม่มีสิวมากวนใจเลย

5 วิธีกินอาหารเพื่อลดสิว แค่เปลี่ยนอาหารหน้าของคุณก็สวยใสไร้สิวได้ไม่ยาก
  • งดน้ำอัดลมและแอลกอฮอล์
  • ในน้ำอัดลมมีปริมาณน้ำตาลมากจนน่ากลัว หากดื่มเข้าไปเยอะ ๆ ร่างกายก็จะต้องสร้างอินซูลินมาเพื่อลดน้ำตาลในร่างกาย และจะทำให้เกิดการสร้างไขมันที่ผิวหนังเพิ่ม ซึ่งนี่แหละที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิวเลยค่ะ รวมถึงสาวนักดื่มทั้งหลายก็ต้องระวังให้ดี เพราะในค็อกเทลรสอร่อยน้ำตาลก็ไม่ใช่น้อย แถมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหลายยังเป็นตัวพรากความชุ่มชื้นไปจากผิว อันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวได้เหมือนกัน รู้แบบนี้ต้องงดด่วนเลย
    อาหารลดสิว

  • กินถั่วเยอะ ๆ
  • ในถั่วอุดมไปด้วยใยอาหารที่ทำให้อิ่มท้อง และช่วยในเรื่องของการขับถ่าย เพราะหากเมื่อไรที่ท้องผูกและไม่ขับของเสียออกจากร่างกาย ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้สิวผุดขึ้นมาบนใบหน้าเช่นกันค่ะ นอกจากนี้ถั่วยังเป็นแหล่งของโปรตีน ที่กินแล้วช่วยให้ผิวสุขภาพดีและเปล่งปลั่งด้วย
  • ดื่มน้ำเปล่าให้มาก
  • พอหักดิบเลิกกินน้ำหวานและน้ำอัดลมได้แล้ว มาใส่ใจในการดื่มน้ำเปล่าในแต่ละวันกันให้มาก ๆ ดีกว่า เพราะการดื่มน้ำจะทำให้ผิวคุณคงความชุ่มชื้น และช่วยขจัดของเสียออกจากร่างกายผ่านทางปัสสาวะ แถมยังช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น เมื่อไม่มีปัญหาด้านการขับถ่าย ร่างกายก็ไม่มีของเสียที่จะทำให้สิวผุดได้แล้ว ที่สำคัญการดื่มน้ำเยอะ ๆ จะทำให้ผิวเนียนสวยสุขภาพดีอีกด้วย
    อาหารช่วยลดสิว

  • เพิ่มผักใบเขียวในมื้ออาหาร
  • การกินผักใบเขียวเยอะ ๆ ไม่เพียงแต่ช่วยในเรื่องของสุขภาพร่างกายอย่างเดียว แต่งานวิจัยยังบอกอีกว่า การกินผักใบเขียวจะช่วยให้ค่าพีเอชในร่างกายสมดุล ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่ามันช่วยในเรื่องของการเกิดสิวได้นั่นเอง ที่สำคัญในผักใบเขียวยังเต็มไปด้วยไฟเบอร์ที่ช่วยในเรื่องของการขับถ่ายได้อีกต่างหาก
  • ดื่มชาเขียว
  • รู้ยังว่าชาเขียวดีต่อผิวและช่วยในเรื่องของสิวได้? เพราะในชาเขียวมีสารโพลีฟีนอล ที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะช่วยยับยั้งการเกิดสิวและลดสิวได้ ที่สำคัญในชาเขียวยังมีสารที่ช่วยลดการอักเสบของผิวด้วยนะ เด็ดขนาดนี้ไปหามาจิบให้สดชื่นสักแก้วดีกว่า นอกจากเปลี่ยนการกินอาหารตาม 5 วิธีนี้ จะช่วยให้สิวหายหน้าใสแล้ว ยังทำให้หุ่นดีไม่อ้วน และได้สุขภาพด้วยนะ แบบนี้เขาเรียกว่าสวยแบบครบสูตร สวยทุกส่วนกันเลย...

วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เรื่องดีๆที่คุณควรรู้กับ 5 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับสิวเจ้าปัญหา

เนื่องจาก สิว เป็นโรคที่พบได้บ่อย และบางครั้งอาจก่อความกังวลให้แก่ผู้ป่วย อีกทั้งผู้ป่วยอาจมีความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับโรคสิวได้ ซึ่งในเรื่องนี้ น.พ.ประวิตร พิศาลบุตร แพทย์อเมริกันบอร์ดสาขาโรคผิวหนัง เปิดเผยในบทความเรื่อง “โรคสิวในเวชปฏิบัติ- ความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับโรคสิว” ว่า “เนื่องจากโรคสิวเป็นโรคที่พบบ่อย และก่อความกังวลให้แก่ผู้ป่วย ผู้ป่วยมักมีความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับโรคสิว ทำให้การรักษาไม่ได้ผล ความเชื่อที่ผิดที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคสิว ที่สาวๆควรจะรู้ และควรจะหลีกเลี่ยงความเชื่อผิดๆแบบนี้เด็ดขาด!!

สิว

เรื่องน่ารู้ 5 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับสิวที่คุณควรรู้
  • กินช็อกโกแลตแล้วทำให้สิวขึ้น
  • ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดๆ ยืนยันว่า อาหารพวกช็อกโกแลต มันฝรั่งทอด ถั่วทอด พิซซ่า อาหารมันๆ น้ำอัดลม ไอศกรีม เป็นตัวกระตุ้นให้สิวขึ้น เคยมีการทดลองทางวิทยาศาสตร์ โดยแบ่งกลุ่มทดลองออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกไม่ให้กินช็อกโกแลตเลย อีกกลุ่มให้กินช็อกโกแลต ผลปรากฏว่า ไม่พบว่าอัตราการเกิดสิวในทั้ง 2 กลุ่มแตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยยืนยันว่า อาหารบางชนิดกินแล้วสิวกำเริบก็ควรงดอาหารนั้นๆ เป็นรายๆ ไป
  • เพศสัมพันธ์ทำให้สิวดีขึ้น หรือทำให้สิวกำเริบ
  • บางคนเชื่อว่า เพศสัมพันธ์ทำให้สิวดีขึ้น ความเชื่อนี้สืบเนื่องมาตั้งแต่ครั้งยุโรปโบราณ ที่ว่าการแต่งงานทำให้สิวหายไปได้ แต่แท้ที่จริงผู้ที่แต่งงานแล้วอาจมีสิวหายไป เพราะวัยที่แต่งงานนั้นผ่านพ้นวัยรุ่น จึงเป็นวัยที่พบสิวน้อยลง ในทางตรงกันข้ามบางคนเชื่อว่า สิวจะกำเริบเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งไม่เป็นจริง การมีเพศสัมพันธ์ไม่ได้มีส่วนกระตุ้นให้ฮอร์โมนเพศชายซึ่งเป็นต้นเหตุของสิวหลั่งออกมา จึงไม่เกี่ยวกับการเกิดสิว สรุปแล้วเพศสัมพันธ์ไม่ได้มีส่วนทำให้สิวเลวลงหรือดีขึ้นแต่อย่างใด

    ความเชื่อเรื่องสิว

  • แสงแดดทำให้สิวดีขึ้น
  • แสงแดดอาจทำให้ดูเหมือนว่าสิวดีขึ้น เพราะแสงแดดทำให้ผิวไหม้แดงและคล้ำลง ช่วยบดบังรอยแดงรอยดำจากสิวอักเสบและรอยจากการอักเสบ แต่แท้ที่จริงแล้วนอกจากแสงแดดจะเป็นอันตรายต่อผิวหนังแล้ว แสงแดดยังทำให้ผิวระคายเคืองและสิวกำเริบ
  • ผิวมันทำให้สิวกำเริบ
  • สิวไม่ได้เกิดจากผิวมัน แต่เกิดจากเซลล์ผิวหนังที่บุท่อรูขุมขนที่หลุดออกตามธรรมชาติ ไม่ถูกขจัดสู่ผิวหนังด้านนอก ทำให้เกิดการตกค้าง เมื่อรวมกับไขมันที่ต่อมไขมันสร้างขึ้น จะก่อให้เกิดสิวอุดตัน ฉะนั้น ผิวมันเป็นอาการ แต่ไม่ได้เป็นสาเหตุของสิว
  • การรักษาสิวนั้น ยิ่งใช้ยาแรงยิ่งได้ผลดี
  • วัยรุ่นเป็นวัยที่ส่วนใหญ่เชื่อว่าการรักษาสิวนั้น ยิ่งใช้ยาแรงยิ่งได้ผลดี เช่น ถ้าใช้ยาทา 2.5% benzoyl peroxide แล้วได้ผล ถ้าเพิ่มความเข้มข้นเป็น 10% ก็น่าจะได้ผลมากขึ้นอีก แต่ที่จริงแล้วถ้ายาความเข้มข้นต่ำได้ผลดี ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยาแรงขึ้น นอกจากจะเป็นการเสียเงินโดยไม่จำเป็นแล้ว ยังอาจเกิดผลแทรกซ้อน เช่น การระคายเคืองมากขึ้นตามมาได้

    ความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับสิวยังมีอีกมาก แต่อันที่จริงแล้ว สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสิวนั้นคือ ฝุ่นละอองและสิ่งสกปรก จึงควรล้างหน้าฟอกสบู่บ่อยๆ แม้ว่าจะมีผิวหนังสะอาดที่สุด โดยการล้างหน้าฟอกสบู่เสมอๆ ก็อาจเป็นสิวได้ ในทางตรงกันข้ามบางคนที่ใช้เพียงน้ำเปล่าล้างหน้าเท่านั้นกลับไม่เป็นสิวเลย สิวหัวดำที่เห็นเป็นจุดดำนั้นไม่ได้เกิดจากสิ่งสกปรกไปอุดตัน แต่เกิดจากไขมันอุดตันในท่อต่อมไขมันมีเม็ดสีเมลานินมาสะสม ความเชื่อที่ว่า สิ่งสกปรกทำให้เกิดสิว ทำให้ผู้เป็นสิวหลายรายล้างหน้าบ่อยครั้งเกินไป และใช้สบู่ที่แรงหรือสบู่ยา หากใช้บ่อยครั้งและเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้ผิวหน้าอักเสบ ระคายเคือง และสิวกำเริบมากขึ้น

    วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

    เผยเคล็ดลับ 4 วิธีจัดการสิวให้อยู่หมัด พร้อมให้คุณเผยผิวหน้าที่สวยใสไร้สิว

    ปัญหาเรื่องสิวนั้น เป็นปัญหาที่ก่อให้เกิดความรำคาญใจ สำหรับสาว ๆ หลายคน เพราะมันทำให้ใบหน้าไม่ สดใส หมองคล้ำ ดูไม่มีชีวิตชีวา และที่สำคัญหลังจากที่สิวหายแล้ว มันยังทิ้งร่องรอยเอาไว้บนใบหน้า ทำให้ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยดำรอยแดง ซึ่งทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ ขาดความเรียบเนียน วันนี้เรามีวิธีการรักษาสิวด้วยตัวเองมาฝาก ซึ่งไม่ต้องง้อยาที่ราคาแพงๆ หรือเข้าคลีนิคเสริมความงามอีกต่อไป ลองมาดูกันเลยว่ามีวิธีการอย่างไรบ้าง

    วิธีจัดการสิว

    เผยเคล็ดลับ 4 วิธีจัดการสิวให้อยู่หมัด พร้อมให้คุณเผยผิวหน้าที่สวยใสไร้สิว
    • อย่าใช้มือสัมผัสใบหน้า เราทราบกันดีอยู่แล้ว ว่ามือของเรานั้นเต็มไปด้วยเชื้อโรค ดังนั้นถ้าไม่อยากเกิดปัญหาสิวบนใบหน้าแล้วละก็ ให้หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสกับใบหน้า ซึ่งเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนมักจะเผลอตัวทำ เพราะว่าอากาศที่ร้อนจัด ทำให้ต้องเช็ดเหงื่อเช็ดไคลกันเป็นธรรมดา ซึ่งหากอยากจะสัมผัสใบหน้าแล้วละก็ ให้หากระดาษทิชชูมาเช็ด หรือล้างมือให้สะอาดก่อนจะดีกว่า
    • หลีกเลี่ยงอาหารทะเล สำหรับใครที่ชอบทานอาหารทะเลอยู่แล้วละก็ หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหาสิว ไม่ว่าจะรักษาด้วยวิธีการไหนก็ไม่หาย ให้ลองหยุดการทานอาหารทะเลลงบ้าง โดยเฉพาะปลาหมึก กุ้ง หอย ล้วนแต่มีธาตุไอโอดีนอยู่สูง ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสิว หากยังทานอยู่ต่อไปแล้วละก็ ยิ่งจะเป็นตัวกระตุ้นทำให้สิวเห่อมากยิ่งขึ้น ดังนั้น รอให้สิวหายก่อน แล้วจึงค่อยกลับมาทานจะดีกว่า
    • วิธีรักษาสิว

    • ไม่บีบสิว จัดว่าเป็นหนึ่งพฤติกรรมที่ไม่ดี ที่หลาย ๆ คนทำจนติดเป็นนิสัย ซึ่งการกดหรือบีบสิวบนใบหน้า มีแต่จะทำให้เกิดอาการของสิวอักเสบมากยิ่งขึ้น แถมยังทำให้เกิดเป็นแผลและเป็นหลุมบนใบหน้า ที่ยากจะรักษาให้หายได้ ซึ่งวิธีการรักษาสิวที่ดีนั้น คือการนำเอาหัวสิวออกมา ดังนั้นเราหากอยากจัดการสิวแล้วละก็ ลองใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญจะดีกว่า เพราะถึงแม้ว่าสิวจะหายแล้ว แต่หากทิ้งร่องรอยและหลุมสิวไว้บนใบหน้าแล้วละก็ จะยิ่งแย่กว่าเดิมเสียอีก
    • อย่าหลงเชื่อคำโฆษณา ในปัจจุบันนั้น จะมีผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ และผิวพรรณออกมาโฆษณาขายกันอย่างมากมายบนอินเตอร์เน็ต ซึ่งต่างก็อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง ไม่ว่าจะเป็น สิวหายเร็ว ทำให้ใบหน้ากระจ่างสดใส สามารถทำให้สิวหายเร็ว ภายในระยะเวลา 3 วัน 7 วันเป็นต้น ซึ่งครีมเหล่านี้ล้วนแต่ผลิตออกมาจากโรงงานที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งครีมเหล่านี้อาจผสมสารที่มีอันตรายต่อผิว เช่น สเตียรอยด์ หากใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานแล้วละก็มีแต่จะทำให้หน้าพัง

    สิวนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งสิ่งที่สำคัญ คือการรักษาความสะอาดบนใบหน้า หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้าโดยตรง และหลีกเลี่ยงการทานอาหารบางชนิดที่มีส่วนกระตุ้นให้เกิดสิว และนอกจากนี้หากต้องขจัดหัวสิวให้ทำโดยผู้เชียวชาญเท่านั้น อย่าบีบสิวเอง เพราะจะทำให้เกิดหลุมสิวบนใบหน้า ที่ยากต่อการรักษา

    วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

    12 วิธีรักษาสิว ด้วยวิธีธรรมชาติ สิวหายและป้องกันสิวไม่ให้เกิดซ้ำขึ้นอีก

    ในยุคปัจจุบันใบหน้า ต้องเผชิญกับมลภาวะต่างๆ มากมาย อาทิ เช่น ควันจากท่อไอเสีย ฝุ่นละอองจากการก่อสร้าง เป็นต้น ไม่ว่าจะพยายามปกป้อง หรือรักษาความสะอาดใบหน้าสักเพียงใด ปัญหาเรื่องสิว ก็ยังมักที่จะโผล่ขึ้นมากวนใจอยู่แทบจะตลอดเวลา

    วิธีรักษาสิว

    สำหรับในบทความนี้ จะมาขอแนะนำวิธีการรักษาสิวด้วยวิธีการรักษาสิวอย่างธรรมชาติแบบง่ายๆ ที่คุณสาวๆ สามารถทำได้ด้วยตัวเอง

    การรักษาสิวโดยวิธีธรรมชาติ

    ก่อนที่จะเริ่มต้นการรักษาสิว ให้พึงระลึกเอาไว้อยู่เสมอว่า วิธีการรักษาสิวที่ดีที่สุด คือ การป้องกัน ไม่ให้สิวใหม่เกิดขึ้นมาอีกนั่นเอง เพราะหากมัวแต่จะรอรักษาสิวใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น ถือว่าเป็นเพียงแค่การรักษาที่ปลายเหตุเท่านั้น ปัญหาเรื่องสิวจะยังคงเกิดขึ้นมาใหม่อีกเรื่อยๆ อย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น ดังนั้นการป้องกันไม่ให้สิวเกิดขึ้นตั้งแต่แรก จึงเป็นวิธีที่ได้ผลดีมากที่สุด โดยมีวิธีการปฏิบัติตัว ดังต่อไปนี้

    • หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับฝุ่นละออง ควันรถ หรือควันมากๆ เพราะจะมีแบคทีเรียและคราบสกปรกมาอุดตันที่รูขุมขน ทำให้เกิดสิวอักเสบขึ้น
    • อย่าเอามือไปยุ่งกับใบหน้าเกินความจำเป็น เช่น การล้วง แคะ แกะ เกา ควรสัมผัสกับใบหน้าเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เพราะมือของเรามักเต็มไปด้วยคราบสกปรก และเชื้อแบคทีเรีย
    • หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่อาจก่อให้เกิดสิว โดยเลือกใช้เครื่องสำอางแบบที่ไม่อุดตันรูขุมขน (Noncomedogenic) หรือแบบที่ไม่มีไขมัน (Oil-Free) ซึ่งจะช่วยหลีกเลี่ยงการทำให้เกิดสิวได้
    • อย่าล้างหน้าบ่อย ควรล้างด้วยน้ำเปล่า เพียงวันละ 2 ครั้ง ในตอนเช้า และตอนเย็นเท่านั้น ในช่วงกลางวันหากใบหน้ามีความมันมาก ควรใช้กระดาษซับมันแทนการล้างหน้า
    • ไม่ควรนอนดึกเกิน 4 ทุ่ม เพราะยิ่งนอนดึกมากเท่าไหร่ สิวก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น


    รักษาสิวด้วยวิธีธรรมชาติ

    • ดื่มน้ำสะอาดมากๆ การดื่มน้ำสะอาดในจำนวนที่เพียงพอต่อความร่างกายในแต่ละวัน จะเป็นการช่วยรักษาสมดุลในร่างกาย และช่วยล้างสารพิษออกจากร่างกายอีกด้วย
    • ทำความสะอาดผิวหน้าทุกครั้งก่อนนอน โดยควรใช้คลีนเซอร์อย่างอ่อนในการทำความสะอาด และต้องล้างคลีนเซอร์ออกให้หมด อย่าให้มีคราบตกค้าง
    • ฝึกควบคุมการขับถ่าย คนที่เป็นท้องผูกบ่อยๆ หรือที่คนที่กลั้นอุจาระบ่อยๆ มักที่จะมีโอกาสเป็นสิวบ่อยกว่าคนที่ขับถ่ายอย่างปกติเป็นประจำทุกวัน การขับถ่ายควรทำในช่วงเวลา 05.00 – 07.00 น. เพราะเป็นช่วงเวลาที่ลำไส้ใหญ่เกิดการบีบตัวเพื่อรีดเอาของเสียออกจากร่างกาย สำหรับคนที่ท้องผูกแนะนำให้ทานผักผลไม้มากๆ ดื่มน้ำตั้งแต่ตอนที่ตื่นนอนมากๆ ดื่มนม หรือดื่มน้ำมะนาว จะเป็นการช่วยในการขับถ่ายให้ดีมากยิ่งขึ้น
    • ควบคุมเรื่องอาหารการกิน อาหารต้องห้ามสำหรับคนที่เป็นสิว ได้แก่ อาหารรสจัด ของหวาน ของมัน เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีอาหารทะเล ซึ่งควรทานในปริมาณที่พอเหมาะ อย่ารับประทานอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกวัน เพราะอาหารเหล่านี้จะไปกระตุ้นให้เกิดสิวขึ้น
    • มองโลกในแง่ดีอย่าเครียด ความเครียดเป็นศัตรูตัวฉกาจต่อความงาม และยังผลต่อจำนวนสิวที่เกิดขึ้นบนใบหน้าอีกด้วย เพราะความเครียดจะทำให้คุณสาวๆเสี่ยงต่อการเกิดสภาวะฮอร์โมนไม่สมดุลขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญหนึ่งที่ทำให้เกิดสิว
    • ออกกำลังกายบ้าง เมื่อออกำลังกาย เหงื่อจะช่วยผลักดันสิ่งสกปรกออกมาจากรูขุมขน ซึ่งเป็นการทำความสะอาดรูขุมขนไปในตัว นอกจากนี้ยังช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นอีกด้วย และเมื่อออกกำลังกายเสร็จแล้วอย่าลืมรักษาความสะอาดของใบหน้าด้วย
    • รักษาความสะอาดของเครื่องนอน ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม เป็นสิ่งที่ต้องสัมผัสกับร่างกายและผิวหน้าของเราอยู่เป็นประจำทุกวัน ดังนั้นจึงควรที่จะทำความสะอาดบ่อยๆ เพื่อไม่ให้มีฝุ่นหรือคราบสกปรกเข้าไปสะสมอยู่

    วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2559

    สุดยอดวิธีรักษาสิวอักเสบ ด้วยวิธีแบบธรรมชาติ ปลอดภัยแถมสิวหายแน่นอน

    เชื่อว่าทุกคนเคยประสบปัญหาสิวบนใบหน้า โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่น อยู่ที่ว่าจะเป็นสิวประเภทใด บางคนเป็นเพียงสิวผดมาแปปเดียวก็หายไปเอง ในขณะที่บางคนเจอปัญหาสิวรุนแรง ทั้งเป็นสิวอุดตัน สิวหัวหนอง สิวอักเสบประเภทสิวเหล่านี้มักส่งผลเสียต่อผิวหน้าของคุณอย่างยิ่ง เพราะระหว่างเป็นมักมีอาการปวดร่วมด้วย แถมพอหายแล้วยังจะทิ้งรอยแผลเป็นให้เราปวดใจอีกต่างหาก แต่อย่าได้กังวลไป เพราะทางแก้ยังมีอยู่
    วิธีรักษาสิวอักเสบ

    โดยวันนี้เราได้นำสูตรรักษาสิวอักเสบ แบบโฮมเมดมาให้ได้ลองนำไปใช้กัน รับรองว่าสิวจะยุบลง ทั้งยังช่วยแก้ปัญหารอยดำรอยแดงหลังจากสิวหายได้ดีอีกด้วย ตามมาดูกันเลยว่าจะมีวิธีอะไรบ้าง สูตรรักษาสิวอักเสบ แบบธรรมชาติ รับรองได้ถึงความปลอดภัย...
    • สูตรที่ 1 หอมแดง

      วิธีนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะสะดวกรวดเร็ว เพียงแค่นำหอมแดงที่เตรียมไว้มาปอกเปลือก แล้วล้างให้สะอาด ใช้มีดฝานเป็นแผ่นบางๆ นำมาแปะตรงบริเวณที่เป็นสิว หรือบริเวณที่เป็นจุดด่างดำทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาทีจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด หรืออีกวิธีคือให้ใช้มีดทุบแล้วนำไปบดให้ละเอียด โดยใส่น้ำเปล่าลงไปนิดหน่อย แล้วนำหอมแดงที่ได้ทาปิดตรงที่เป็นสิวอักเสบ ทิ้งไว้สักประมาณ 20-30 นาทีแล้วล้างออก แต่ต้องทนกับกลิ่นที่ค่อนข้างฉุนของหอมแดงกันสักหน่อยนะคะ


    • สูตรที่ 2 มะละกอ

      ผลไม้นี้มีคุณสมบัติในการทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล และยังช่วยลดรอยดำรอยแดงจากสิวอักเสบได้อีกด้วย เพราะในเนื้อมะละกอมีเอ็นไซม์ที่จัดการกับเนื้อเยื่อที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกมาได้ง่าย ช่วยผลัดเซลล์ผิวได้เร็วขึ้น โดยให้เลือกที่มะละกอสุก นำมาปอกเปลือก ล้างยางออกให้หมดแล้วบดละเอียด พอกทิ้งไว้บนผิวหน้า 10-15 นาทีจึงล้างออก เพียงแค่ครั้งแรกจะรู้สึกได้ถึงความเนียนนุ่มชุ่มชื่นของผิว หากใช้เป็นประจำจะช่วยรอยสิวจางลงจนหายเป็นปกติ


    • สูตรที่ 3 มะนาว

      อีกหนึ่งทางเลือกยอดฮิตคือการใช้สมุนไพรที่หาได้ง่ายอย่างมะนาว เนื่องจากมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ (AHA, Alpha Hydroxy Acids) รักษาสิวอักเสบได้ชะงัด ช่วยในการลอกเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกไป นอกจากนั้นยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว ทำให้เซลล์ผิวเกิดใหม่ได้อย่างรวดเร็ว วิธีที่นิยมใช้กันคือหยดน้ำมะนาวสัก 1-2 หยดมาแต้มสิวทิ้งไว้ 10-15 นาทีแล้วล้างออก แต่สำหรับคนที่ผิวหน้าไม่เหมาะกับมะนาวหรือคิดว่ามะนาวแรงเกินไป ก็ให้ใช้น้ำมะนาวผสมกับน้ำผึ้งแทน


    • สูตรที่ 4 ว่านหางจระเข้

      ให้นำว่านหางจระเข้มาลอกเปลือกด้านนอก แล้วตัดเป็นชิ้นเล็กๆคล้ายลูกเต๋า จะได้วุ่นว่านหางจระเข้ จากนั้นก็นำไปทาบนผิวหน้า เน้นบริเวณที่เป็นสิวอักเสบ ว่านหางจระเข้จะช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกในรูขุมขน และยังช่วยให้ผิวที่แห้งเป็นขุยกลับมาเนียนนุ่ม ชุ่มชื้นขึ้น ทำให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกไป แก้ปัญหารอยแผลเป็นได้อีกด้วย


    • สูตรที่ 5 มะเขือเทศกับโยเกิร์ต

      ตบท้ายกันด้วยสูตรธรรมชาติอย่างมะเขือเทศที่ฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ อุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินเอ ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพผิว ทั้งยังมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ช่วยในการรักษาสิวอักเสบได้ วิธีคือให้หั่นมะเขือเทศออกเป็นครึ่งลูก และสับให้ละเอียด นำไปผสมกับโยเกิร์ต 2 ช้อนโต๊ะ จากนั้นนำมาทาให้ทั่วบริเวณใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 10-20 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น
    เพียงคุณหมั่นทำตามวิธีธรรมชาติเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งดูและและใส่ใจสุขภาพทั้งร่างกาย จิตใจให้แข็งแรง รับรองว่าบรรดาสิวอักเสบที่ฝังแน่นจะสลายตัวไป แล้วกลับคืนความเนียนใสผุดผ่องให้ใบหน้าของคุณอีกครั้งอย่างแน่นอนคะ

    รักษาสิว

    วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2559

    4 สาเหตุของการเกิดสิว ที่สาวๆไม่ควรมองข้าม!!

    ถ้าพูดเรื่องสิว คงจะเป็นสิ่งที่สาวๆหลายคนกลัวกันอยู่เป็นแน่ เพราะเรื่องสิว มันไม่ได้สิว..สิวเหมือนกับชื่อเลยล่ะ จริงไหมค่ะสาวๆ เพราะสิวมันมาพร้อมกับจุดด่างดำ หลุมสิว ความเจ็บปวดในตอนที่สิวกำลังบวม คุณจะไม่มีใครอยากจะเผชิญเป็นแน่

    สาเหตุของการเกิดสิว

    ด้วยเหตุนี้เราจึงมีวิธีป้องกันการเกิดสิว ด้วยการแก้ปัญหาการเกิดสิวจากต้นเหตุ จึงจะเป็นการกำจัดสิวไม่ให้เกิดขึ้นมาได้อีกนั้นเอง เชื่อว่าหลายคนคงจะอยากรู้แล้วเป็นแน่!! ว่าสาเหตุที่ทำให้สิวขึ้นนั้นมีสาเหตุมาจากอะไรได้บ้าง งั้นตามมาดูกันเลยค่ะ

    4 สาเหตุของการเกิดสิว ที่สาวๆไม่ควรมองข้าม !ไปซึ่งได้แก่
    • ปลอกหมอน หมอนที่เราใช้นอนเป็นประจำทุกคืน มีทั้งเหงื่อ น้ำลาย และสิ่งสกปรกจากผมปนเปื้อนซึ่งเป็นสาเหตุของ สิว ได้ ดังนั้นก่อนนอน ควรปัดและทำความสะอาดทุกครั้ง และเปลี่ยนปลอกหมอนใหม่เป็นประจำอยู่เสมอ
    • โทรศัพท์มือถือ การคุยโทรศัพท์ต้องแนบแก้มและคางซึ่งมีความมันกับหน้าจอโทรศัพท์ ทำให้สิ่งสกปรกบนใบหน้าตกค้างอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์ และกลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคต้นเหตุการเกิด สิว ดังนั้นควรเช็ดทำความสะอาดหน้าจอโทรศัพท์ทุกครั้ง หรือแก้ปัญหาโดยการใช้สมอลทอร์คแทน
    • ระบบกรองอากาศ ถ้าคุณไม่ดูแลระบบกรองอากาศให้ดี แน่นอนมันจะต้องเต็มไปด้วยฝุ่น ไรฝุ่น และแบคทีเรียที่จะส่งผลให้เกิด สิว ได้ ดังนั้นการทำความสะอาดและเปลี่ยนไส้กรองทุกๆ 3 เดือน ก็จะช่วยลดปัจจัยเสี่ยงได้ และยังทำให้อากาศบริสุทธิ์มากว่าเดิม
    • การคลอเคลีย การคลอเคลียกับคู่รักโดยสัมผัสแก้มหรือหน้าโดยตรง อาจจะส่งผลให้ ผิวหนังระคายเคือง เกิดสิวขึ้นได้ หรือไม่ก็จะทำให้สิวที่เป็นอยู่อาจจะเห่อหรือกำเริบมากขึ้น เพราะผิวหน้าสัมผัสน้ำมันจากเครื่องสำอาง หรือเจลใส่ผมของแฟน วิธีการที่ดีที่สุดคือ การให้คู่รักใช้เครื่องสำอางที่ปราศจากน้ำมันเป็นส่วนผสม

    ถ้าไม่อยากเป็น สิว สิ่งที่จะช่วยได้อีกทางหนึ่งก็คือ การกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และที่สำคัญอย่าลืมออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอกันด้วยนะค่ะ เพียงแค่นี้คุณก็จะมีผิวหน้าที่สวยใสไร้สิวอย่างแน่นอน

    วันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2559

    ข้อควรรู้เกี่ยวกับ...ตำแหน่งสิว สามารถบ่งบอกปัญหาสุขภาพของคุณได้

    ใช่ว่าปัญหาสิวจะเป็นตัวการทำให้ใบหน้าหมองคล้ำและเกิดริ้วรอยจนทำให้สาวๆ ต้องปวดหัวเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่หากสังเกตให้ดี ตำแหน่งที่เกิดสิวบ่อยๆ ไม่ยอมหายซักที ยังเป็นสัญญาณบอกความเจ็บป่วยภายในร่างกายของเราได้อีกด้วย เห็นแบบนี้สิวอาจจะไม่ใช่ตัวร้ายที่ทำให้ผิวหน้าของคุณพังอย่างเดียวแล้ว มันยังมีข้อดีอีกเล็กน้อยที่พอจะให้เราได้เห็นหนทางว่าสุขภาพด้านไหนของตัวเราที่กำลังแย่ จะได้ทำการดูแลให้ตรงจุดมากขึ้นไปพร้อมๆ กับการรักษาสิวอย่างถูกวิธีด้วยเช่นกัน

    ตำแหน่งสิวบอกโรค

    ตำแหน่งการเกิดสิวบนใบหน้า...บ่งบอกปัญหาสุขภาพของคุณได้
    • สิวที่เกิดขึ้นบริเวณหน้าผากด้านขวา หากใครเป็นสิวบริเวณนี้อยู่บ่อยๆ อาจจะพอสังเกตได้ว่าเป็นสัญญาณเตือนถึงระบบการทำงานของการย่อยอาหาร ลามไปถึงอวัยะใกล้เคียง ไม่ว่าจะเป็นต่อมหมวกไตและกระเพาะปัสสาวะ สาเหตุของสิวเหล่านี้ที่เกิดขึ้นมาจากความเครียดเป็นหลัก หากต้องการลดสิวก็เพียงแค่ทำใจให้สบาย หลีกเลี่ยงความเครียด ดื่มน้ำให้มากๆ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้มากขึ้น
    • สิวที่เกิดขึ้นบริเวณรอบดวงตาทั้งสองข้าง สิวเหล่านี้มักจะไม่ค่อยเห็นได้บ่อยๆ หากพบมักจะเป็นสาเหตุที่มาจากสุขภาพที่ไม่ทนต่อสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคภูมิแพ้บ่อยๆ ซึ่งต้นเหตุของการเกิดก็อาจจะมาจากฝุ่นผงภายในบ้าน การทำความสะอาดผิวหน้าไม่ดีพอ การใช้เครื่องสำอางที่มีสารเคมีเจือปนอยู่มาก รวมไปถึงคนที่มีสภาพผิวแพ้ง่ายก็มักทำให้เกิดสิวบริเวณนี้ได้เช่นกัน ทางที่ดีควรหันมาพักผ่อนให้มากขึ้น หลีกเลี่ยงสิ่งสกปรกและทำความสะอาดผิวหน้าตรงจุดนี้ให้หมดจด
    • สิวที่เกิดขึ้นบริเวณลำคอและหน้าอก เป็นสิวที่เชื่อว่ามีความเกี่ยวเนื่องกับการทำงานของระบบสมองและจิตใจโดยตรง สิ่งที่ทำให้เกิดสิวบริเวณนี้มาจากความเครียดและสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการคิดในแง่ลบ อารมณ์มักโกรธ โมโหง่าย หรือคุ้นชินกับความเครียดสะสม เหล่านี้มักจะทำให้เกิดสิวบริเวณลำคอและส่วนของหน้าอกอย่างชัดเจน ลองหันมาปรับสภาพจิตใจ้วยการนั่งสมาธิ ทำงานอดิเรกที่ตัวเองชื่นชอบ ออกไปพบปะเพื่อนฝูง และพักผ่อนอยู่ในแวดล้อมที่มีธรรมชาติสีเขียวบริสุทธิ์เสียบ้างก็จะเป็นวิธีลดสิวที่ดีอีกทางหนึ่งได้

    สิวไม่ใช่โรคแต่เป็นการอักเสบอย่างหนึ่งของรูขุมขน สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วร่างกาย โดยเฉพาะในส่วนที่มีต่อมไขมันสะสมอยู่มาก ดังนั้นปัญหาสิวดังที่กล่าวมาข้างต้น หากพบตามตำแหน่งที่กล่าวไปก็ควรดูแลตัวเองให้มากขึ้น และแม้ว่าการเกิดสิวจะไม่บ่อยนัก การหมั่นดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจของตัวเองอยู่เสมอจะช่วยให้เรามีความสุขกับสุขภาพที่ดีขึ้นของตัวคุณเอง...

    วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2559

    กดสิวอย่างไร ไม่ให้หน้าเสีย กับวิธีการกดสิวให้สิวหาย...

    คุณกำลังประสบปัญหาสิวกันอยู่ใช่หรือไม่ คำถามต่อมาก็คือคุณกำลังคันไม้คันมืออยากบีบสิวใช่หรือไม่ ถ้าคำตอบคือใช่ วันนี้เรามีวิธีกดสิวที่จะไม่ทำให้ผิวหน้าแสนบอบบางเสีย หรือไม่ให้เกิดเป็นรอยดำช้ำมานำเสนอ ทั้งนี้ อาจทำให้เกิดรอยแดงๆเล็กน้อย แต่ก็สามารถหายไปเองได้

    วิธีการกดสิว

    กดสิวอย่างไร ไม่ให้หน้าเสีย กับวิธีการกดสิวให้สิวหาย...เรื่องดีๆที่อยากบอกต่อ!!

    ข้อดีและข้อเสียของการกดสิว

    คุณที่เคยกดสิวเป็นประจำคงสงสัยว่าทำไมบางครั้งไปกดสิวไปแล้ว สิวที่เคยอีกเสบบวมแดง เมื่อผ่านช่วงเวลาแค่ข้ามคืน สิวก็จะแห้งเกลี้ยง ในทางตรงกันข้ามบางทีกดสิวไปแล้ว ยิ่งเป็นการทำให้สิวอักเสบมากขึ้น แถมยังเห่อตามมาอีกด้วย นี่แหละคือสิ่งที่บอกได้ว่าการกดสิวมีทั้งข้อดีและข้อเสีย

    ข้อดีคือ การกดสิวจะทำให้หัวสิวหลุดออกมา ถ้าทำอย่างถูกวิธีจะช่วยแก้ปัญหาสำหรับผู้ที่มีผิวมันและมีสิวอุดตันเยอะ ซึ่งโอกาสที่หัวสิวจะหลุดไปเองนั้นยากกว่าผิวแห้ง เพราะน้ำมันใต้ผิวจะผลิตตลอดเวลา ทำให้เกิดปัญหาสิวอุดตันซ้ำๆไม่มีวันจบสิ้น

    สำหรับข้อเสีย ถ้ากดสิวไม่ดี กดผิดถูกวิธี กดไม่หมด หรืออุปกรณ์ที่ใช้กดสิวไม่สะอาดพอ สิวอุดตันเม็ดเล็กๆก็จะกลับกลายเป็นสิวอักเสบเม็ดโต ทำให้ยากต่อการรักษาเข้าไปอีก เพราะฉะนั้นหากใครอยากกดสิว ถ้ามีทุนทรัพย์และเวลาว่างพอ แนะนำให้กดกับผู้เชี่ยวชาญหรือไปตามคลินิค เพราะแทนที่จะกดสิวให้สิวหาย อาจได้หน้าพังมาแทน

    วิธีกดสิวที่ถูกต้อง สิวหายหน้าไม่พังอย่างแน่นอน...

    ต้องบอกก่อนเลยว่าการกดสิวด้วยตัวเองไม่ได้เหมาะกับทุกคน โดยจะเหมาะคนที่เป็นสิวไม่มากนัก และคนที่เป็นสิวหัวเปิด สิวหัวดำ สิวหัวปิดหัวขาว หรือสิวอักเสบบางกรณี ทั้งนี้ ต้องรู้จักคาดการณ์ด้วยตัวเองว่าสิวที่กำลังเปล่งอยู่นั้น ถ้ากด บีบ ออกมาแล้วผลจะออกมาทางบวกหรือทางลบมากกว่ากัน ถ้าไม่มั่นใจจริงๆควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มิใช่เห็นแล้วรู้สึกมันมือจึงกด บีบ เค้น กรณีแบบนี้อาจทำให้หน้าพัง เกิดรอยแผลเป็น ซึ่งใช้เวลานานกว่าจะหาย

    สำหรับคนที่มั่นใจแล้วว่าจะกดสิวด้วยตัวเอง อุปกรณ์ที่ต้องใช้ ได้แก่ 1.ไม้กดสิวแสตนเลส (สามารถหาซื้อตามร้านขายยา หรือร้านขายเครื่องมือแพทย์) 2.แอลกอฮอล์ 3.สำลี 4.เข็มอินซูลิน (ขนาด 50 unit ซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป) 5.น้ำเกลือ และน้ำอุ่น ทั้งนี้ หากสวมถุงมือเหมือนที่คุณหมอใช้ ก็จะเป็นการดี ทีนี้ก็เริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการกดสิว

    • ล้างทำความสะอาดไม้กดสิว และนำไปแช่ในแอลกอฮอล์ ส่วนเข็มอินซูลินถ้าใช้ครั้งแรกก็ไม่จำเป็นต้องแช่ (ไม่ควรใช้เกิน 3-5 ครั้ง) แช่สักประมาณ 10 นาที แล้วนำสำลีมาซับให้แห้ง
    • ล้างทำความสะอาดใบหน้า และเช็ดโทนเนอร์ให้ทั่วผิวหน้า
    • นำสำลีชุบน้ำอุ่นมาวางแปะไว้บริเวณที่กด ประมาณ 2-3 นาที เพื่อให้รูขุมขนเปิด รากสิวจะอ่อนตัว ทำให้สามารถกดสิวออกได้ง่ายขึ้น
    • ดูชนิดสิว ถ้าเป็นสิวหัวเปิด เช่น สิวหัวดำ สามารถเอาไม้กดสิวกดได้เลย แต่ถ้าเป็นสิวหัวปิด เช่น สิวอุดตัน หรือสิวหัวหนอง ให้เอาเข็มอินซูลินสะกิด (ห้ามเจาะหรือจิ้มจนเกิดแผลเด็ดขาด) บริเวณหัวสิว จะไม่รู้สึกเจ็บ หลังจากสะกิดแล้วค่อยๆเอาไม้กดสิวกดตามลงไป หากกดสิวแล้วเลือดซึมให้นำสำลีชุบน้ำเกลือ หรือสำลีปกติกดห้ามเลือดไว้ รอสักพักให้ทายาสิวทับ (ถ้ามี)

    สำหรับเทคนิคการกดสิว ให้เอาแท่งคร่อมหัวสิวแล้วกด หรือเอาแท่งกดสิวทำมุม 45 องศากับสิวแล้วกดจากด้านข้าง ที่สำคัญคือค่อยๆกดอย่างเบามือ อย่ากดสิวแรง จะได้ไม่เกิดรอยช้ำในวงกว้าง และไม่เกิดรอยแผลเป็นตามมานั้นเองนะค่ะ แล้วหน้าใสไร้สิวก็จะเป็นของคุณ...