วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

เชียบัตเตอร์ (Shea Butter) มหัศจรรย์แห่งพืชธรรมชาติ ตัวช่วยที่ดีในการบำรุงผิวหน้า

สำหรับ เชียบัตเตอร์ (Shea Butter) เชื่อได้ว่าหลายคนอาจจะคุ้นหูกับชื่อนี้คำว่ากันมาบ้างแล้ว เพราะในปัจุบันพวกครีมบำรุงผิวกายและผิวหน้าที่ใช้กันอยู่เป็นประจำนั้น มักจะใส่เชียร์ บัตเตอร์ผสมลงไปด้วย ซึ่งเจ้าสิ่งนี้แหละที่จะช่วยฟื้นฟูผิวที่แห้งกร้านให้กลับนุ่มนิ่มมีน้ำมีนวล แถมยังมีวิตามินที่มีประโยชน์หลากหลายอยู่ในนั้น และถ้าหากใครที่ยังไม่รู้จักกับเชียร์บัตเตอร์ดีมากนัก ว่ามันคืออะไร มีลักษณะเป็นอย่างไร และช่วยบำรุงผิวของเราได้ดีขนาดไหนกัน วันนี้เราจะข้อมูลดีๆเกี่ยวกับ เชียบัตเตอร์ (Shea Butter) มาให้หลายๆคนได้หายสงสัยกัน..มาดูกันเลย

บำรุงผิวด้วยเชียบัตเตอร์

เชียบัตเตอร์ (Shea Butter) คืออะไร?

เชียบัตเตอร์เป็นสารสกัดธรรมชาติ จากเชีย นัท (Shea Nut) เมล็ดที่ได้จากต้น African Shea Tree อันเป็นพืชพื้นเมืองของพวกชาวแอฟริกา คุณค่าทางโภชนาการที่ได้จากน้ำมันเชีย เหมือนสมุนไพรชนิดพิเศษที่ให้วิตามิน A, D, E, F, โปรตีนและใยอาหาร สามารถเข้าดูแลถึงชั้นผิวในสุด ช่วยฟื้นฟูผิว ปกป้องเซลล์ผิวที่ถูกทำลาย ผิวแห้ง ผิวแตก และช่วยลบรอยเหี่ยวย่น กระตุ้นเซลล์ผิวให้มีชีวิตชีวา ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอย่างอ่อนโยน ช่วยฟื้นฟูผิวจากรอยแผลเป็น ต่อต้านการอักเสบจากรอยแผล

ลักษณะของเชียบัตเตอร์ (Shea Butter) เป็นอย่างไร ?

เชียบัตเตอร์เมื่อสกัดออกมาแล้วจะมีลักษณะอ่อนนุ่มคล้ายเรซิ่น มีสีค่อนไปทางเหลืองหรือขาวและมีกลิ่นอโรมา ภายในจะมีส่วนประกอบทางเคมี ได้แก่ กรดพาลมิติก, กรดสเตียริก, กรดโอเลอิก, และกรดไลโนลีนิก ซึ่งเป็นกรดไขมันตามธรรมชาติทั้งอิ่มตัวและไม่อิ่มตัว

และเนื่องจากมีส่วนประกอบเป็นกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวปริมาณมาก จึงทำให้เชียบัตเตอร์มีคุณสมบัติเป็นสารให้ความชุ่มชื้น หรือมอยเจอไรเซอร์ที่ดีเยี่ยมนั่นเอง มันก็เลยถูกนำไปใส่ไว้ในเครื่องสำอางต่างๆ ทั้งผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า โลชั่นเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับมือ ลิปสติก เครื่องสำอางแต่งหน้า และผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ที่มีผิวแห้งแพ้ง่าย


ประโยชน์ของเชียบัตเตอร์ (Shea Butter)
  • อุดมไปด้วยวิตามิน A ในเชียร์ บัตเตอร์ จะอุดมไปด้วยวิตามินเอในธรรมชาติ ซึ่งสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยและป้องกันริ้วรอยให้เกิดขึ้นช้าลงได้ด้วย ใครที่กลัวผิวหนังเหี่ยวย่นหรือแก่ก่อนวัย อย่ารอช้ารีบเลือกเชียร์ บัตเตอร์มาบำรุงผิวกันเลย
  • อุดมไปด้วยวิตามิน E นอกเหนือไปจากวิตามินเอแล้ว ในเชียร์บัตเตอร์ก็ยังอุดมไปด้วยวิตามินอี ที่หลายคนชอบนำมาบำรุงเพื่อให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นอีกด้วย อีกทั้งในสกินแคร์และครีมบำรุงผิวส่วนใหญ่ก็มีส่วนผสมของวิตามินอี ที่ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยปกป้องผิวไม่ให้แห้งเสียจากการโดนแสงแดดทำร้าย
  • ช่วยรักษาโรคผิวหนัง เชียร์ บัตเตอร์ ก็เปรียบเหมือนกับเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและรักษาโรคผิวหนังไปด้วยในคราวเดียวกัน ซึ่งในเชียร์ บัตเตอร์มีวิตามินหลากหลายชนิดและกรดไขมัน ที่จะช่วยรักษาโรคผิวหนังเมื่อเกิดอาการคันหรือมีผื่นแดง นอกจากวิตามินหลากหลายและกรดไขมันแล้ว เชียร์ บัตเตอร์ยังมีคุณสมบัติช่วยต่อต้านการอักเสบอีกด้วย
  • มีกรดซินนามิกช่วยป้องกันยูวี รู้หรือไม่ว่า ในเชียร์ บัตเตอร์มีกรดซินนามิก ที่จะช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีตัวการร้ายทำลายผิว โดยอาจพูดได้ว่าเชียร์ บัตเตอร์คือครีมกันแดดจากธรรมชาตินั่นเอง อีกทั้งยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและช่วยฟื้นฟูเซลล์ใหม่ ซึ่งจะช่วยทำให้ผิวของคุณดูเปล่งปลั่งอ่อนเยาว์
  • มีกรดไขมันที่เป็นประโยชน์ ในเชียร์ บัตเตอร์ ประกอบด้วยกรดไขมัน 5 ชนิด ทั้งกรดปาลมิติ (Palmitic Acid), กรดสเตียริก (Stearic Acid), กรดโอเลอิก (Oleic Acid), กรดไลโนเลอิค (Linoleic Acid) และกรดอะราคิโดนิก (Arachidonic Acicd) ซึ่งกรดเหล่านี้แหละจะช่วยให้คุณมีผิวยืดหยุ่นและอ่อนนุ่มน่าสัมผัส
  • ช่วยรักษาสิว แม้ว่าในเชียร์ บัตเตอร์จะอุดมไปด้วยกรดไขมัน แต่มันก็ยังเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ดีต่อผิวเป็นสิว เพราะมันจะไม่เข้าไปอุดตันรูขุมขน อีกทั้งยังมีคุณสมบัติต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งจะต่อต้านกับเชื้อโรคที่ทำให้เกิดสิว ที่สำคัญเชียร์ บัตเตอร์ยังช่วยลดรอยแดงรอยดำที่เกิดจากสิวด้วย
  • บรรเทาผิวหนังที่ด้านหนา ผิวหนังที่ด้านหนา อย่างพวกตามข้อศอก ตาตุ่ม หรือในส่วนต่าง ๆ ที่ไม่อ่อนนุ่ม เมื่อสัมผัสไปแล้วก็รู้สึกรำคาญใจ ปัญหานี้สามารถใช้เชียร์ บัตเตอร์เข้ามาช่วยให้ผิวอ่อนนุ่มลงได้ ใครที่มีปัญหานี้ก็ลองนำเชียร์ บัตเตอร์มาบำรุงผิวดูนะ รับรองว่านุ่มน่าสัมผัสกว่าเดิมแน่นอน

ประโยชน์เยอะจริง ๆ เลยนะ สำหรับเชียบัตเตอร์ (Shea Butter) และนี้ล่ะจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราจึงพบเจ้าเชียบัตเตอร์ตัวนี้อยู่ในเครื่องสำอางมากมาย ก็เพราะว่ามันมีประโยชน์แถบจะครอบจักรวาลนี่เอง และรวมถึงอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่มีประสิทธิภาพที่มีส่วนผสมของ Shea Butter ที่จะแนะนำให้รู้จักในวันนี้ก็คือ

💕Alp Rose Anti-Aging Advanced Serum 💕 เซรั่มบำรุงผิวหน้าที่อุดมไปด้วย Stem Cell และสารสกัดอันทรงคุณค่า ซึมซาบสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว พร้อมมอบความชุ่มชื้น ผิวแลดูกระชับ ช่วยฟื้นฟูบำรุงผิวให้แลดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ
  • 🌸ช่วยลดเลือนจุดด่างดำและริ้วรอยแห่งวัย
  • 🌸เพิ่มความชุ่มชื้นและแข็งแรงให้กับผิว
  • 🌸ช่วยในการกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว เพื่อผิวขาวกระจ่างใส
  • 🌸ช่วยปกป้องผิวต่อมลภาวะต่างๆ

📲สอบถามและสั่งซื้อได้ที่ 📱 ลดสูงสุดถึง 25% ❗️ ❗️
  • FB : https://www.facebook.com/lyonesseth
  • Inbox : https://www.facebook.com/messages/lyonesseth
  • Line@ : @lyonesse
  • Ig : lyonesse_official

วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

มาดูแลผิวในช่วงหน้าร้อนกันดีกว่า กับ 7 วิธีดูแลผิวหน้าร้อน...ร้อนแค่ไหนก็ไม่หวั่น

วิธีดูแลผิวหน้าร้อน

หน้าร้อนช่างเป็นอุปสรรคสำหรับความงามของสาวๆ จริงไหมคะ ไหนจะความร้อนจากแสงแดดที่คอยทำร้ายผิวหน้า ผิวกายให้ไหม้เกรียมแล้วยังทำให้เป็นฝ้า กระ ตามมาด้วย แถมยังทำให้เครื่องสำอางที่ทาไว้ไหลเยิ้ม เหนียวเหนอะหนะ ไม่ติดทนนาน อุดตันผิวได้ง่าย ทำให้สิวอุดตันตามมากวนใจอีก ไหนจะเหงื่อและกลิ่นตัว ทำให้สาวๆ ไม่ค่อยชอบอากาศร้อนๆ แบบนี้สักเท่าไหร่ แต่ในเมื่อเราไม่อาจหนีจากหน้าร้อนนี้ได้ ทางที่ดีคือมาหาทางรับมือกับความร้อนเพื่อให้เรายังสวยใสในวันแดดแรงกันดีกว่า และนี่คือ 7 วิธีดูแลผิวหน้าร้อน เพื่อรับมือกับแสงแดดและทำให้เรายิ้มได้อย่างมั่นใจค่ะ

7 เคล็ดลับ ดูแลผิวหน้าร้อน...สวยท้าแดดอย่างมั่นใจ

1. ครีมกันแดดตัวช่วยที่ขาดไม่ได้

เพราะความร้อนแรงของแสงแดดทำร้ายผิวสวยๆ ของเราได้ตลอดเวลา การดูแลผิวหน้าร้อน-ก่อนออกแดดทุกครั้งควรทาครีมกันแดด ทั้งผิวหน้าและผิวกาย ซึ่งสาวๆ คนไหนที่ไม่ชอบทาครีมกันแดดเพราะความเหนียวเหนอะหนะ ขอบอกเลยว่าให้เปลี่ยนความคิดเสียใหม่ เพราะเดี๋ยวนี้เขามีครีมกันแดดหลายแบบ ทั้งแบบครีม แบบน้ำ แบบมูส ซึ่งนอกจากจะช่วยกันแดดได้ดีแล้วยังช่วยควบคุมความมัน หน้าไม่มัน หน้าไม่เยิ้มให้รำคาญใจอีกด้วย ชอบแบบไหนลองหามาใช้กันดูนะคะ

2. รองพื้นใช้ได้แต่อย่าหนาเกินไป

แม้รองพื้นจะทำให้หน้าเราเนียนใส แต่อากาศร้อนเป็นศัตรูตัวฉกาจที่ทำให้รองพื้นที่ทาเอาไว้มันเยิ้ม และอาจจะละลายผสมกันกับความมันบนบหน้า ทำให้ใบหน้าอุดตันจนเกิดสิวตามมา เพราะฉะนั้นวิธีดูแลผิวหน้าร้อนนี้ ให้ทากันแดดและรองพื้นแบบบางๆ ให้ได้ลุคสวยใสแบบสาวสุขภาพดีก็พอค่ะ หรือจะเลือกทาแป้งแบบ ซิมเมอร์เพื่อเพิ่มความสดใสให้กับใบหน้าก็ได้ และการเลือกเครื่องสำอางแบบกันน้ำจะช่วยลดปัญหาไหลเยิ้มของเครื่องสำอางได้ดีค่ะ

3. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

อีกหนึ่งเคล็ดลับสำคัญในการดูแลผิวหน้าร้อน เพราะน้ำจะช่วยรักษาสมดุลให้กับร่างกายและทำให้ผิวของเราชุ่มชื้น ซึ่งอากาศร้อนร่างกายจะสูญเสียน้ำทางเหงื่อมากกว่าปกติ หากเราดื่มน้ำน้อยจะทำให้ร่างกายขาดน้ำ สมดุลน้ำในร่างกายเสียไป ทำให้ผิวเราเหี่ยวแห้ง ขาดน้ำ ริมฝีปากแห้ง และที่สำคัญหากร่างกายระบายความร้อนได้น้อยอาจทำให้เราเสี่ยงต่อการเกิดอาการเพลียแดด หรือเป็นลมแดดได้นะคะ เพราะฉะนั้นหมั่นจิบน้ำบ่อยๆ ให้ได้วันละ 8-10 แก้ว หรือมากกว่านั้นหากรู้สึกว่าร่างกายขาดน้ำ ควรจิบน้ำบ่อยๆ ตลอดทั้งวัน ไม่ควรดื่มน้ำทีเดียวครั้งละมากๆ ร่างกายจะได้นำน้ำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ


4. น้ำเย็นตัวช่วยปรนนิบัติผิว

เวลาที่เราไปข้างนอกเจอกับแดดแรงๆ กลับมาจนรู้สึกว่าใบหน้าแดงก่ำและร้อนวูบๆ วาบๆ บนบหน้า ลองใช้น้ำเย็นๆ ล้างหน้า หรือประคบหน้าจะช่วยให้รู้สึกเย็นสบายผิว แถมยังเป็นการช่วยฟื้นฟูสภาพผิวหน้า ยกกระชับใบหน้าได้อีกด้วย อีกหนึ่งวิธีดีๆ ในการดูแลผิวหน้าร้อนค่ะ

5. ปรนนิบัติผิวหลังเจอแดดแรงๆ

แน่นอนว่าหลังจากที่เราไปเผชิญแสงแดดเป็นเวลานานๆ จะทำให้ผิวของเราคล้ำเสีย ก็ถึงเวลาต้องดูแลผิวหน้าร้อนนี้ให้ฟื้นคืนสภาพ หลังจากโดนแดดแรงกลับมาลองนำแตงกวาหรือมะเขือเทศเย็นๆ มาปิดทับใบหน้าไว้สักพัก เพื่อให้ความเย็นและวิตามินในผักผลไม้ช่วยฟื้นฟูผิวให้กับเรา หรือจะใช้น้ำมันมะพร้าวทาบริเวณที่โดนแดดแรงๆ ทิ้งไว้ก็จะช่วยให้ผิวกลับมาสู่สภาพเดิมได้เร็วขึ้น

6. เลือกทานผลไม้น้ำเยอะช่วยได้

นอกจากการดื่มน้ำบ่อยๆ แล้ว การเลือกทานผลไม้ที่มีน้ำมากๆ หรือผลไม้ธาตุเย็น อย่างแตงโม แคนตาลูป ก็ช่วยคลายร้อนได้ดี แถมยังมีวิตามินหลายชนิด ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และเป็นอาหารบำรุงผิวชั้นดี หมั่นทานผลไม้บ่อยๆ ในหน้าร้อนนี้ รับรองอร่อยแถมดูแลผิวสวยหน้าร้อนนี้ได้อีกด้วยค่ะ

7. เลี่ยงแดด

คือ วิธีที่ดีที่สุด โดยเฉพาะช่วงเวลาที่มีรังสียูวีมาก ตั้งแต่ 10.00-16.00 น. พยายามหลบแดดด้วยการอยู่ในที่ร่มไว้จะช่วยป้องกันผิวเสียได้ดีที่สุด

ลองนำ 7 เคล็ดลับดูแลผิวหน้าร้อนเหล่านี้ไปใช้กันดูนะคะ รับรองได้ว่าจะช่วยให้คุณรับมือกับความร้อนแรงของแสงแดดในหน้าร้อนนี้ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว แดดแรงแค่ไหนก็เอาอยู่ค่ะ

วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

7 พฤติกรรมที่ควรเลี่ยง หากคุณอยากมีผิวหน้าที่สวยใสไร้สิว

หน้าใสไร้สิว

สาว ๆ ที่ประสบปัญหาสิวหลาย ๆ คน คงจะสรรหาสารพัดวิธีมาปรนนิบัติใบหน้าเพื่อแก้ปัญหาสิว ไม่ว่าจะเป็นการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์กำจัดสิวมาใช้มากมายบ้างล่ะ หรือหันหน้าหาคลินิกเพื่อความงามบ้างล่ะ ซึ่งนั่นก็ช่วยลดปัญหาสิวได้จริง ๆ แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ใช้ผลิตภัณฑ์กำจักสิวก็แล้ว หาหมอก็แล้ว สิวก็ยงไม่มีวี่แววว่าจะหาย งานนี้คงต้องลองมาดูกิจกรรม และพฤติกรรมที่ทำในชีวิตประจำวันกันหน่อย ว่ามีอะไรที่ทำให้ใบหน้าคุณสิวเห่อจนรักษาไม่หายบ้าง เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงพฤติกรรมทำสิวเห่อเหล่านั้น ว่าแล้วก็ไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

7 พฤติกรรมที่ควรเลี่ยง เพื่อผิวหน้าที่สวยใสไร้สิว

1. ไว้ผมหน้าม้า

สาว ๆที่เอาผมมาปิดหน้าผากอยู่ตลอดเวลา มักจะเป็นสิวบนหน้าผากได้ง่ายแสนง่าย ก็จะไม่ให้เป็นอย่างนั้นได้อย่างไร เมื่อผมของเรานี่แหละค่ะเป็นแหล่งสะสมฝุ่นละออง ที่เราเผชิญในแต่ละวัน และแน่นอน หากปล่อยให้ผมมาคลอเคลียอยู่บนหน้าผากของคุณทั้งวันแล้วล่ะก็ ต่อให้ใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันสิวยังไง ก็หายได้ยากค่ะงานนี้

2. ชอบเอามือเท้าคางและแก้ม

มีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยชอบเอามือมาเท้าคางหรือแก้มระหว่างวัน โดยที่ไม่คำนึงเลยว่านั่นเป็นตัวการของสิวเลยล่ะ เพราะวัน ๆ หนึ่ง คนเราใช้มือหยิบจับอะไรต่าง ๆ นา ๆ มากมาย จนกลายเป็นอวัยวะที่สกปรกที่สุดในร่างกายเลยก็ว่าได้


3. เข้านอนโดยไม่ยอมล้างหน้า

เชื่อได้ว่ามีสาว ๆ จำนวนไม่น้อยที่กลับไปถึงบ้านทีไร ก็รีบกระโดดลงเตียงนอนนุ่มเพื่อพักผ่อนทันทีโดยไม่ล้างหน้า ทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่ามันอาจจะทำให้เกิดสิวขึ้นได้แต่ก็ยังขี้เกียจทุกที ลองเปลี่ยนพฤติกรรมนี้ดูค่ะ รับรองว่าหน้าจะสะอาดขึ้นเยอะเลยล่ะ

4. ไม่ยอมซักผ้าปูที่นอน

โดยเฉพาะปลอกหมอนที่คุณเอาหน้าไปแนบ ตะแคงซ้ายที ขวาที อยู่ทั้งคืนแบบนั้น ดังนั้นควรซักผ้าปูที่นอนอย่างด่วนเลยค่ะ และควรซักเป็นประจำทุกสัปดาห์ด้วย เพื่อความสะอาดและหน้าคุณจะได้ไม่เป็นสิวอย่างง่าย ๆ

5. ทำความสะอาดแปรงแต่งหน้าเป็นประจำ

อาจจะสัปดาห์ละครั้งหรือเดือนละ 2 ครั้งก็ไม่ว่ากัน แต่อย่าใช้งานติดต่อกันนานเป็นปีโดยไม่ซักล้าง เพราะมันสะสมสิ่งสกปรกได้ดีเลยทีเดียว


6. เติมแป้งขณะหน้ามัน

อย่าบอกว่าไม่เคยนะ มีสาว ๆ หลายคนเลยทีเดียวที่เวลาหากระดาษซับมันไม่ได้ ก็เติมแป้งเข้าไปทั้งที่หน้ามัน ๆ อยู่อย่างนั้น งานนี้ล่ะเกิดการอุดตันในรูขุมขนได้ดีเลยทีเดียวล่ะ

7. ล้างหน้าไม่สะอาดหลังพอกหน้า

สาว ๆ หลายคนเชื่อว่าบางทีไม่จำเป็นต้องล้างหน้าให้สะอาดก็ได้ เพื่อให้วัตถุดิบที่ใช้พอกหน้าคลุมใบหน้าอยู่บาง ๆ และมันอาจจะช่วยบำรุงผิวไปด้วย แต่คิดผิดถนัดล่ะ เพราะแทนที่มันจะบำรุงใบหน้า มันกลับไปอุดตันรูขุมขนและทำให้เกิดสิวน่ะสิ โดยเฉพาะสูตรพอกหน้าที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เช่น น้ำในมะพร้าว น้ำมันงา น้ำมันมะกอก นี่ล่ะ ตัวการเลย

และนั่นก็คือ 7 พฤติกรรม ที่ทำให้ผิวสวยของคุณกลายเป็นผิวสิวอย่างที่ไม่อาจจะแก้ไขได้ หากคุณไม่รีบหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ก่อนละก็ รับรองค่ะว่าไม่ว่าจะหมอไหนหรือครีมตัวไหนก็ช่วยคุณไม่ได้จริง ๆ เลยคราวนี้

วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

7 เคล็ดลับในการลดสิวเพียงชั่วข้ามคืน ให้ผิวสวยใสได้ง่ายๆ

เคล็ดลับลดสิว

สาวๆ คนไหนที่มีปัญหาเรื่องสิว อยากจะลดสิวแบบทันใจ เรามีเคล็ดลับลดสิวแบบทันใจใน 1 คืนมาฝากแล้วค่ะ โดยวิธีการก็ง่ายๆ เลือกข้อใดข้อหนึ่งในการทำได้เลยนะคะ แต่บางข้อ ก็สมควรทำควบคู่กัน เพื่อให้ได้ผลลัพท์ที่ดีขึ้น ใครมีปัญหาสิว อยากลดสิวให้ยุบลงแล้ว ก็ตามมาดูกันเลยคะ

7 เคล็ดลับในการลดสิวเพียงชั่วข้ามคืน ให้ผิวสวยใสได้ง่ายๆ

ล้างหน้า

เคล็ดลับแรกเลยนะคะ หลังจากกลับมาถึงบ้านแล้ว ใบหน้าเราก็จะเต็มด้วยสิ่งสกปรกที่เกาะติดตามหน้า หรือบางส่วนก็เข้าไปฝังตัวในรูขุมขขของเรา จนเกิดเป็นสิวได้ สิ่งแรกที่ควรทำเลยก็คือการรักษาความสะอาดค่ะ ล้างหน้าเป็นประจำ หากแต่งหน้าก็ควรใช้ที่เช็ดเครื่องสำอางในการล้างออกก่อน จากนั้นก็ล้างหน้าด้วยโฟมตามได้เลย

ไอน้ำร้อน ขับสิ่งสกปรก

หากอยากเอาสิ่งสกปรกออกอย่างล้ำลึกที่สุด สาวๆ สามารถใช้น้ำร้อนเทลงในอ่างที่ทรความร้อนได้ แล้วเอาใบหน้าลงไปอังกับไอน้ำร้อน ที่ลอยขึ้นมา โดยใช้ผ้าขนหนูคลุมไว้ด้วย จะช่วยไม่ให้ไอน้ำลอยไปที่อื่นนะคะ โดยวิธีการนี้ จะเป็นการเปิดรูขุมขนให้สิ่งสกปรกออกมาได้ง่ายขึ้น เมื่อล้างหน้า หรือขัดหน้า เพื่อเอาสิ่งสกปรกออกได้ง่ายขึ้น และยังช่วยกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนขึ้นมาบนผิวหน้าได้ดีขึ้นด้วยนะคะ ทำก่อนล้างหน้า อาทิตย์ละ 2 – 3 ครั้ง หน้าสะอาดใสเลยค่ะ


เติมความชุ่มชื้น

นอกจากจะรักษาความสะอาดแล้ว การเติมความชุ่มชื้น ก็เป็นการกระชับรูขุมขนไม่ให้มีสิ่งอุดตันในรูขุมขนได้นะคะ โดยสาวๆ สามารถใช้น้ำแร่เนี่ย ฉีดลงบนใบหน้าหลังล้างหน้าเสร็จ ทำเป็นประจำ ก็จะช่วยให้รูขุมขนกระชับ ลดสิวได้แล้ว

ยาแต้มสิว

หลังจากดูแลรักษาความสะอาดผิวหน้าแล้ว ก็มีหลากหลายวิธีที่จะลดสิวได้น้า “ยาแต้มสิว” ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถลดสิวได้ในชั่วข้ามคืน แต่จะเลือกยาแต้มสิวยังไง ให้เหมาะกับประเภทสิว มาดูกันค่า


น้ำแข็งลดสิวอักเสบ

สำหรับสาวๆ ที่เป็นสิวอักเสบบวมแดง สามารถใช้น้ำแข็งลูบตรงบริเวณสิวที่บวมแดงก่อนได้นะคะ จะเป็นการลดการอักเสบ หลังจากนั้นก็ทายาแต้มสิวที่เหมาะกับสิวอักเสบหลังลูบน้ำแข็งได้เลยคะ เช้ามาสิวยุบทันตาเห็นเลย

ยาสีฟันลดสิวอุดตัน

ยาสีฟันในห้องน้ำเราเนี่ย มีสารไทรโคลซาน ที่ช่วยฆ่าเชื้อแบททีเรีย ทำให้สิวยุบได้ไว โดยสาวๆ สามารถใช้ยาสีฟันเนี่ย แต้มลงบนสิวอุดตัน หรือสิวอักเสบก็ได้นะคะ แล้วทิ้งไว้ 30 นาทีก่อนล้างออก จะช่วยลดสิว ให้สิวยุบได้แบบเร่งด่วนเลยนะ

ยาแอสไพรินช่วยสิวยุบ

ยาแอสไพริน ที่เป็นยาแก้อักเสบและลดไข้ที่เรารู้จักกันดีเนี่ยนะคะ สามารถเอามาใช้ลดสิวได้ด้วยน้า เพราะในยาแอสไพริน มีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิว และลดไขมันอุดตันบนใบหน้า และฆ่าเชื้อแบบทีเรียได้ แค่เอายาแอสไพรินมาละลายกับน้ำเปล่าพอข้นๆ แล้วเอามาแต้มสิวทิ้งไว้ 1 คืน เช้ามาสิวก็ยุบได้แล้วค่า แต่คนที่แพ้ยาแอสไพริน ห้ามใช้สูตรนี้เด็ดขาดเลยนะคะ

7 วิธีง่ายๆ เลย ที่จะช่วยลดสิว ไม่ว่าจะเป็นสิวอักเสบ สิวอุดตันก็สามารถเลือกไปใช้ได้นะคะ โดยห้ามลืมเรื่องการรักษาความสะอาดเด็ดขาดเลยนะคะ เรื่องนี้ถือว่าสำคัญมากๆ

วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

วิธีการรักษาสิว จากปัญหาใกล้ตัวที่ควรระวัง

วิธีการรักษาสิว

สิว เกิดได้หลายสาเหตุ สิว เกิดได้จากสารภายในร่างกายเราเอง เช่น มีฮอร์โมนเพศชายมากเกินไป หรือเป็นกรรมพันธุ์ การใช้ยา หรือเครื่องสำอางบางชนิด นอกจากนี้สภาพแวดล้อม แสงแดดและอุณหภูมิ ความสะอาด อาหาร คนหน้ามัน ก็มีโอกาสเป็นสิวได้ ซึ่งเราสามารถป้องกันได้ รักษาสิว ยังไงให้ถูกวิธี เรามาดูวิธีที่สามารถลดปัญหาสิวได้ด้วยตัวเองกันค่ะ

1. อาหารที่รับประทาน

การรับประทานอาหารจำพวกที่มีน้ำตาลสูง หรือ อาหารจำพวกที่มีมันมากๆ จะทำให้เพิ่มโอกาสการเป็นสิวมากขึ้น แนะนำว่าให้ กินอาหารจำพวก นม เนย ชีส เพื่อผิวพรรณที่ดีขึ้น และ ยังช่วยลดปัญหาสิวลงด้วย

2. การล้างหน้า

ในเรื่องนี้ควรรักษาความสะอาดตามปกติ คือ ล้างหน้าวันละสองรอบ เช้าและก่อนนอน ไม่มากไปกว่านี้ ด้วยสบู่ธรรมดา และไม่ควรใช้สบู่ยา เพราะตัวยาในสบู่มักมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อและอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ หรือใช้คลีนเซอร์ที่อ่อนโยนต่อผิว , ใช้น้ำอุ่นๆในการล้างหน้า , ไม่ถูหน้าแรงจนเกินไป เพราะอาจส่งผลระคายเคืองต่อผิวหนังได้ ยกเว้นในรายที่ผิวหน้ามัน อาจต้องล้างหน้าบ่อยขึ้น


3. ไม่ควรบีบ แกะ แงะ กด สิว

ควรหลีกเลี่ยงการบีบและแกะ หรือ วิธีอื่นๆที่ใช้กำลังทำให้หัวสิวออกมา วิธีพวกนี้อาจทำให้การติดเชื้อลึกลงไปถึงผิวหนังชั้นใน จะทำให้สิวลุกลามและรุนแรงมากยิ่งขึ้น ทั้งยังทำให้เกิดการอักเสบ ทำให้การอุดตันมีความรุนแรงมากขึ้น อาการบวมแดงและรอยดำหลังจากสิวหายแย่ลง แถมการบีบสิวนั้นอาจทำให้เกิดแผลเป็นแบบหลุมสิวและทิ้งรอยแผลเป็นของสิวเมื่อหายดีแล้วอีกด้วย

4. ผม โกนหนวด กันคิ้ว

ถ้าคุณเป็นคนผมยาว ก็ควรที่จะรักษาผมให้สะอาดอยู่เสมอ เพราะเส้นผมเต็มไปด้วย sebum (น้ำมันตัวเดียวกับน้ำมันบนใบหน้า) ซึ่งหากผมยาวจนลงมาปกปิดใบหน้า จนกลายเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดสิวได้เช่นกัน ในการโกนหนวด กันคิ้ว หากจะโกนหรือกัน ควรใช้อุปกรณ์ที่มีใบมีดแหลมคม และควรเปลี่ยนใบมีดเมื่อทู่แล้ว เพราะนอกจากจะทำให้เกิดการระคายเคืองแล้ว ยังอาจทำให้เกิดบาดแผลได้ ที่สำคัญก่อนโกนหนวด หรือ กันคิ้ว ควรใช้น้ำอุ่นชโลมผิวหน้า ในส่วนที่ต้องการโกนก่อน เพราะจะทำให้ผิวหน้านุ่มขึ้น ง่ายต่อการโกน โดยไม่เกิดการระคายเคือง

นอกจากปัญหาเหล่านี้แล้ว ยังพบปัญหาอื่นๆ เรื่องอารมณ์ เชื่อว่าอารมณ์เครียดส่งผลต่อสิว จึงควรออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ และเรื่องเครื่องสำอาง ควรเลือกเครื่องสำอางชนิดที่ละลายได้ดีในน้ำ เพื่อชะล้างออกได้ง่าย และไม่หลงเหลือ อุดตันตามรูขุมขน

วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ส่อง 7 พฤติกรรมที่ทำให้ สิว มาเยือนคุณได้โดยไม่รู้ตัว

รักษาผิว

ปัญหาหนักใจของสาวๆหลายคนคงจะหนีไม่พ้นปัญหาของการเกิดสิว จะทำอย่างไรกับหน้าดี สิว เม็ดเก่ายังไม่ทันหาย สิวเม็ดใหม่ก็ถือกำเนิดขึ้นมา บนใบหน้าเนี่ยแทบจะไม่มีพื้นที่ว่างหลงเหลือให้สัมผัสเลยคะ ไหนจะสิวหัวดำ สิวเสี้ยน สิวอักเสบ รอยดำรอยแดงจากสิว และสารพัดปัญหาผิว ทำเอาสาวๆ หลายคนหนักใจเลย สาวๆคิดว่าแม้เราจะล้างหน้าอย่างสะอาด ทาครีมอย่างสม่ำเสมอ แต่ทำไมสิวถึงยังเกิดขึ้นได้อีกนะ ถ้าคุณมีพฤติกรรมเหมือนที่เราจะบอก ก็ดูเลยค่ะ ว่าตัวการเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการเกิดสิวบนใบหน้าของคุณนั้นเอง

7 พฤติกรรมที่ทำให้ สิว มาเยือนคุณได้โดยไม่รู้ตัว

1. ครีมนวดผมทำร้าย

ลองสังเกตดูสิว่าสิวขึ้นตามกรอบหน้า หน้าผากหรือตามไรผมบ้างหรือไม่ ถ้าใช่ละก็นั่นหมายความว่าคุณเลือกใช้ครีมนวดผมที่ไม่เหมาะสมแล้ว ลองเลือกครีมนวดผมที่ไม่มีส่วนผสมของขี้ผึ้ง (Beeswax), ทัลค์ (Talc), น้ำมันแร่, สารขี้ผึ้ง (Petrolatum), น้ำมันมะพร้าว, ลาโนลิน (Lanolin) และไอโซโพรพิล ไมริสเตท (Isopropyl Myristate) ไว้ก่อนจะดีกว่า เพราะสารเหล่านั้นช่วยเคลือบให้ผมชุ่มชื้นก็จริง แต่ฝุ่นละอองก็จะเกาะกับเส้นผมง่ายขึ้น ยิ่งถ้าผมมันนะ ไม่ต้องพูดถึงเลย สิวบุกแน่นอน

2. ขัดหน้าบ่อยและแรง

อย่าคิดว่าการขัดผิวหน้าจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกออกไปได้นะ ยิ่งแรงยิ่งสะอาด เปลี่ยนความคิดใหม่ค่ะ เพราะการขัดหน้าแรงๆ จะช่วยกระตุ้นให้ผิวเกิดการเปลี่ยนแปลง เป็นการรบกวนผิว มีโอกาสเกิดสิวได้ง่าย น้ำมันก็จะถูกผลิตออกมามากกว่าเดิม เพราะหน้าเราสูญเสียความชุ่มชื้นตามธรรมชาติไป ทางที่ดีควรขัดผิวสัปดาห์ละไม่เกินสองครั้งดูนะ


3. ปลอกหมอน จุดนอนกำเนิด สิว

หมอนที่เรานอนอยู่ทุกคืนนั้นเป็นแหล่งรวมเชื้อโรคและแบคทีเรียชั้นเลิศเลยนะจ๊ะ ทั้งผมที่ถูสัมผัสกับปลอกหมอน แล้วเวลาเรานอนตะแคงข้าง ก็รับไปเต็มๆ จ้า แก้มซ้ายแก้มขวา ก็เพราะทิ้งปลอกหมอนไว้นานไม่ยอมเปลี่ยน มัวแต่ปล่อยให้สิ่งสกปรกหมักอยู่แบบนั้น เอาไปซักบ้างนะคะสาวๆ อาทิตย์ละครั้งก็ยังดี

4. โทรศัพท์เช็ดบ้างนะคะ

วันนึงเราใช้โทรศัพท์ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เอาไปวางไว้ที่ไหนบ้าง กินข้าว เกินทางก็พกมันไปเสมอในที่สาธารณะ ฝุ่นละอองและความสกปรกต่างๆ ก็เข้ามาเกาะแน่นอน แล้วยูก็ยกขึ้นมาแนบหูเพื่อสนทนา ยิ่งบางคนโทรศัพท์ใหญ่มาก ยกทีปาไปครึ่งหน้า แล้วเราสัมผัสหน้าจอทั้งวัน จะเหลือเหรอคะความสะอาด นานๆ ทีเช็ดทำความสะอาด และฆ่าเชื้อโรคด้วยแอลกอฮอล์บ้างก็ดีนะคะคุณ

5. แปรงแต่งหน้า ล้างด้วยค่ะ

แปรงแต่งหน้านี่แหละสกปรกและเป็นแหล่งรวมเชื้อแบคทีเรียไว้มากเลย ทั้งปัดแป้ง ปัดแก้ม ปัดเฉดดิ้ง สารพัดที่ต้องสัมผัสกับผิวหน้าโดยตรง ถ้าไม่อยากเป็นสิวก็เอาแปรงแต่งหน้าออกมาล้างสัปดาห์ละครั้ง ก็จะช่วยลดโอกาสที่จะเกิดสิวได้เยอะ ทั้งยังรักษาเนื้อสัมผัสเครื่องสำอางด้วยนะจ๊ะ


6. ขี้เกียจล้างเครื่องสำอาง

ต่อให้เนรมิตใบหน้ามาสวยงามดุจราชินีมากแค่ไหน ตอนล้างออกก็ต้องใช้เวลามากเท่านั้น กลับมาจากปาร์ตี้ก็ดึกล่ะ บางคนเหนื่อยและขี้เกียจก็เลยนอนทั้งแบบนั้นไปเลย อุ๊ย ไม่ได้นะคะสาวๆ ต้องขอบอกว่าปัญหาหลักเลย เธอแช่เครื่องสำอางไว้ทั้งคืน สิวอุดตันมาเยือนแน่ค่ะ หน้าก็ไม่ได้พัก ไม่ได้หายใจ เพราะมีเครื่องสำอางเคลือบผิวอยู่ นอกจากสิวแล้ว หน้าก็ยังแก่ก่อนวัยด้วยนะ

7. เห็นสิวขึ้นไม่ได้ ต้องบีบ

เรารู้ว่ามันห้ามใจได้ยากเวลาเห็นสิวขึ้นบนใบหน้า เพราะใครเห็นก็อยากจะกำจัดออกกันทั้งนั้น ยิ่งสิวที่สุกมีหนองอยู่ ยิ่งน่าบีบทิ้งมากๆ แต่การบีบสิวไม่ได้ทำให้สิวยุบหายไปนะจ๊ะ เพราะจะยิ่งทำให้แบคทีเรียแพร่กระจายและทำให้เป็นสิวใหม่ได้ง่ายขึ้น เลือดไหลอีกต่างหาก แถมสิวยังฝากมรดกไว้ด้วย คือร่องรอยแดง ร่องรอยดำที่อาจเกิดแผลเป็นได้ในอนาคต อย่าบีบเลยนะ ปล่อยให้มันหายเองดีกว่า อาจจะต้องใช้เวลาก็ดีกว่าอยู่บนความเสี่ยงนะคะ

รู้แบบนี้แล้วสาวๆต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ เพราะทุกสิ่งเป็นเรื่องใกล้ตัวมากๆเลย ใส่ใจความสะอาด และรักษาผิวหน้าซักนิด สิวจะไม่ถามหาแน่นอน ขอให้ความหน้าใสจงอยู่กับเราไปตราบนานเท่านาน

วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

10 วิธีฟื้นฟูผิวคล้ำเสียจากแดดให้กลับมาสวยปิ้ง!

แสงแดดที่บ้านเราขึ้นชื่อว่าแรงทุกฤดู ไม่ว่าจะหลบเลี่ยงอย่างไรก็ไม่รอดอยู่ดี เรียกได้ว่าสร้างปัญหาใหญ่ให้กับผิวสวยของคุณเป็นสาเหตุ ของการที่ทำให้มี ผิวหน้าคล้ำเสีย หน้าดำหมองคล้ำ ริ้วรอยและความหยาบกร้าน และอีกหลายปัญหาที่ตามมาอีกมาก แค่ออกไปเดินเล่นชิล ๆ นอกบ้านก็เตรียมพร้อมรับมือกับความหมองคล้ำแห้งกร้านของผิวเสียจากแสงแดดได้เลย วันนี้เรามีเคล็ดลับดี ๆ มาฝากสาว ๆ ทุกคนให้กลับมามีผิวสวย ใส สุขภาพดีได้เหมือนเดิมค่ะ

ผิวคล้ำเสีย

ต่อให้แสงแดดจะรุนแรงแค่ไหนก็เอาอยู่ค่ะ มาดูเคล็ดลับดีๆที่นำมาฝากสาวๆกันนะคะ

1.แตงกวา

แตงกวามีคุณสมบัติเป็นแหล่งของมอยส์เจอไรเซอร์ชั้นเยี่ยมจากธรรมชาติ ซึ้งจะช่วยเติมน้ำให้ผิวหน้า ช่วยผลัดความหมองคล้ำจากออกผิว กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่า และทำให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใสได้อย่างเป็นธรรมชาตินำแตงกว่ามาหันให้เป็นชิ้นบางๆ แบ้สรำไปวางไว้ตามจุดต่างๆของผิวที่มีอาการไหม้จากแดดเกิดขึ้น วิตามินและความเย็นจากแตงกวาจะช่วยเยียวยาผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดดให้แข็งแรงขึ้นค่ะ

2.น้ำส้มสายชูหรือน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์

ไม่น่าเชื่อว่าน้ำส้มสายชูที่เราคิดว่าเป็นกรดมีฤิทธฺ์กัดกร่อนที่รุนแรงเกินกว่าจะนำมาใช้กับผิวพรรณ แต่ความเจริงแล้วกรดของน้ำส้มสายชูไม่ได้มีอันตรายกับผิวถึงขนาดนั้น แต่ยังมีสรรพคุณที่ช่วยฟื้นฟูผิวไหม้จากแสงแดดให้หายเป็นปกติได้อีกด้วย เพียงเราแค่นำน้ำส้มชายชู หรือแอปเปิลไซเดอร์มาใส่ในขวดสเปรย์ จากนั้นก็นำมาฉีดพรมผิวบริเวณที่ถูกแสงแดดทำลาย หรือจะนำผ้าขนหนูชุบน้ำส้มสายชูให้ชุ่ม แล้วนำมาประคบที่ผิวสักพัก อีกวิธีก็เทน้ำส้มสายชู 2 ถ้วยตวงใส่ในอ่างอาบน้ำ แล้วก็ลงไปนอนแช่ แต่ทุกวิธีไม่ควรใช้น้ำส้มสายชูหมักจากมอลต์ (malt vinegar) หรือใช้น้ำส้มสายชูกับน้ำร้อนนะคะ เนื่อจากความร้อนจะทำให้กรดต่าง ๆ ในน้ำส้มสายชูเจือจางลงได้ค่ะ


3.น้ำมันมะพร้าว

น้ำมันมะพร้าว" เป็นสิ่งมหัศจรรย์ใกล้ตัวคุณนี่แหละ จะทำให้ผิวหน้าเปล่งปลั่งสดใส ปลอดภัยจากสารเคมี และลดรอยเหี่ยวย่นได้ดีอีกด้วย น้ำมันมะพร้าวเป็นเครื่องสำอางค์จากธรรมชาติที่ช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้ว พร้อมเผยเซลล์ผิวใหม่ที่่อ่อนเยาว์และมีสุขภาพดี ด้วยราคาที่แสนจะย่อมเยา และหาง่าย มากๆ ในบ้านเรา น้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติช่วยให้ผิวหน้านุ่ม ชุ่มชื่น เพราะในน้ำมันมะพร้าวมีสารต้านอนุมูลอิสระ และมีวิตามินอีสูง ซึ่งวิตามินอี มีความสำคัญมากสำหรับการดูแลผิว บำรุงผิวพรรณ อีกทั้งการทาน้ำมันมะพร้าวสามารถช่วยป้องกันผิวจากแสงแดด จากรังสัยูวีได้ เพียงทาน้ำมันมะพร้าวบำรุงอย่างสม่ำเสมอ หรือหลังออกแดดทาน้ำมันมะพร้าวบริเวณผิวไหม้แดด อาการปวดแสบปวดร้อนจะบรรเทาลงค่ะ นำสำลีไปชุบน้ำมันมะพร้าว แล้วทาไปในบริเวณที่ผิวมีการไหม้ จะช่วยทำให้รอยไหม้ค่อยๆจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ

4.โยเกิร์ต

โยเกิร์ต นอกจากเป็นแหล่งของโปรตีน และเชื้อจุลินทรีย์ชนิดที่ดีต่อลำไส้แล้ว รู้มั้ยคะว่าในโยเกิร์ตยังมีคุณสมบัติที่ดีต่อการบำรุงผิวหน้าอย่างมากมาย โยเกิร์ตมีความอ่อนโยนต่อผิว ไม่มีกรดใดๆ ที่เป็นอันตรายต่อผิว วิธีทำให้นำโยเกิร์ตมาพอกลงบนผิวหน้าจนทั่ว ปล่อยไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างหน้าให้สะอาด สูตรพอกหน้าด้วยโยเกิร์ตนี้ เหมาะสำหรับสาวๆ ที่ออกแดดบ่อยจนมีผิวหน้าคล้ำเสียจากแดด หรือมีรอยไหม้แดงจากแดดนั่นเอง

5.นมสด

นับเป็นวิธีฟื้นฟูผิวที่ไหม้เสียจากแสงแดดได้ดีที่สุดอีกวิธีหนึ่ง เพราะนมมีสารอาหารและคุณประโยชน์ในเรื่องของการดูแลบำรุงผิวอยู่มากมาย เราจึงสามารถนำนมสดมาบรรเทาอาการไหม้ของผิวได้ ด้วยการใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำนมให้ชุ่มแล้วนำมาประคบที่ผิว หรือจะทำง่ายๆ ที่บ้าน โดยการซื้อนมสดพลาสเจอร์ไลท์ สัก 5-10 กล่อง ผสมกับน้ำ (ในอ่างอาบน้ำ ที่บ้าน) ดูแล้วน้ำเป็นสีน้ำนม พอให้นอนแช่ตัวลงไปได้ ใครชอบน้ำอุ่นก็ผสมกับน้ำอุ่น ใครชอบน้ำเย็นๆ ก็ใส่น้ำแข็งลงไปด้วย หรือจะเป็นน้ำปกติก็ได้ โดยแช่สัก 20-30 นาทีขึ้นไป แล้วแต่ใครมีเวลามากน้อย โดยไม่ต้องล้างออก สามารถเช็ดตัวได้เลยนะคะ


6.น้ำผึ้งรักษาผิวคล้ำเสีย

น้ำผึ้งมีสรรพคุณหลายอย่างในการช่วยบำรุงผิวพรรณ ไม่ว่าจะเป็นช่วยทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื่นไม่แห้งหยาบกร้าน ช่วยลดเลือนริ้วรอยต่างๆ ให้แก่ผิวได้เป็นอย่างดี และน้ำผึ้งยังมีสรรพคุณที่สามารถช่วยฟื้นฟูสภาพผิวคล้ำเสียที่เกิดจากแสงแดดให้กลับมาสวยสดใสได้ดังเดิม น้ำผึ้งยังมีคุณสมบัติในการช่วยทำให้ผิวสามารถต่อต้านรังสียูวีได้ดีขึ้น ดังนั้นถึงแม้ว่าผิวของเราจะไม่คล้ำเสียจากแสงแดดคุณก็สามารถทาน้ำผึ้งได้เช่นกันเพื่อให้สารอาหารต่างๆ ในน้ำผึ้งซึบซาบเข้าสู่ผิวและสามารถปกป้องผิวให้แก่เราได้ในวันที่เราต้องออกไปเผชิญกับแสงแดด แต่สำหรับใครที่ต้องการฟื้นฟูสภาพผิวคล้ำเสียที่เกิดจากแสงแดดจะมีวิธีและขั้นตอนในการทำดังนี้ค่ะ ให้นำน้ำผึ้งกับน้ำมะนาวมาผสมให้เข้ากันจากนั้นนำไปทาให้ทั่วผิวที่คล้ำเสียจากแสงแดดแล้วให้ทิ้งไว้สักพักหรือประมาณ 15-20 นาที จากนั้นล้างออกให้สะอาด ทำเป็นประจำก็จะสามารถช่วยฟื้นฟูสภาพผิวของคุณให้กับมาเนียนนุ่มดังเดิมได้ค่ะ

7.มะเขือเทศบำบัดผิวเสียจากแดด

มะเขือเทศเรามักนิยมนำมาเป็นสูตรในการพอกหน้าหรือไม่ก็ดื่มเป็นน้ำมะเขือเทศเพื่อช่วยบำรุงผิวพรรณ เนื่องจากมีแร่ธาตุหลายอย่างที่ช่วยในเรื่องของความสวยความงามได้เป็นอย่างดี และหนึ่งในคุณประโยชน์เหล่านี้ของมะเขือเทศก็ส่วนในการช่วยบำรุงผิวที่ไหม้หรือคล้ำเสียจากแสงแดดได้ด้วยเช่นกันค่ะ สำหรับวิธีในการทำนั้นคือ นำมะเขือเทศมาล้างให้สะอาดนำมาฝานบางๆ แล้วนำไปแปะบริเวณผิวที่ไหม้แดด ไม่ว่าจะเป็นบริเวณใบหน้าหรือลำตัว ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แต่ถ้าจะแปะที่ใบหน้าก็ควรล้างหน้าให้สะอาดกันก่อนนะคะ เมื่อเวลาครบแล้วให้ล้างออกด้วยน้ำเปล่าให้สะอาด หลังจากนั้นคุณจะรู้สึกได้เลยว่าผิวนุ่มและชุ่มชื่นขึ้น ถ้าต้องการบำรุงผิว หรือใครจะใช้วิธีดื่มน้ำมะเขือเทศด้วยก็จะดีมาก เพราะจะช่วยให้ผิวของคุณสวยจากภายในสู่ภายนอกเลยนะคะ

8.ทานอาหารที่ช่วยฟื้นฟูผิวคล้ำเสีย

รับประทานผักผลไม้ เนื่องจากในผักผลไม้มีวิตามินต่างๆมากมาย ซึ้งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์ร่างกายจะช่วยให้ผิวแข็งแรงและกระจ่างใสขึ้น รับประทานผักสีเหลืองส้ม เช่น ฟักทอง เลม่อน ข้าวโพด ที่มีเบต้าแคโรทีนบำรุงให้ผิวสวย และรับประทานผลไม้สีแดงจำพวก แอปเปิล ทับทิม มะเขือเทศ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยฟื้นบำรุงผิว หรือปัจจุบันนี้มีวิตตามินที่ผลิตออกมาเพิ่มความสะดวกสบายต่อการรับประทาน


9.ปลอบประโลมผิวคล้ำเสียด้วย AloeVera Gel

AloeVera Gel หรือเจลว่านห่างจระเข้ มีคุณสมบัติช่วยปลอบประโลมผิวที่คล้ำเสียจากแดด ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น บำรุง ลดการคล้ำเสียของผิว หากทำบ่อยๆจะช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอทั่วกันได้เป็นอย่างดี แนะนำให้นำเจลไปแช่ในตู้เย็น แล้วนำมาทาผิว ความเย็นผสมกับว่านหางจระเข้จะช่วยปลอมประโลมผิวที่ไหม้และคล้ำเสียได้มากขึ้น 2 เท่าค่ะ

10.ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันและหลีกเลี่ยงแสงแดด

ก่อนออกจากบ้านควรทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกเช้า เป็นสิ่งที่ควรทำเป็นประจำให้เป็นกิจวัตร เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันแดดไม่ให้ผิวคล้ำเสียไปกว่าเดิม และชะลอริ้วรอยก่อนวัย โดยครีมกันแดดบางตัวสามารถบำรุงผิวที่คล้ำเสียไปในตัวได้ด้วย การรักษาอาการผิวไหม้เสียจากแสงแดด เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม และควรรีบทำการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะถ้าหากปล่อยเวลาให้ผ่านพ้นเลยไปนาน ปัญหาผิวเหล่านี้อาจจะเกิดการสะสมกันมากขึ้น จนกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่มากขึ้น อย่างเช่น การเกิดมะเร็งผิวหนัง เป็นต้น

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และช่วยฟื้นฟูสภาพผิวที่เสียหายจากการถูกทำลายโดยแสงแดด ขอแนะนำให้ใช้ Lyonesse : Alp Rose Anti-Aging Advanced Serum เซรั่มบำรุงผิวหน้าที่อุดมไปด้วย PhytoCellTec™ Alp Rose : ช่วยให้ผิวรับมือกับอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงได้ดี เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ลดการอักเสบ ระคายเคือง และช่วยฟื้นฟูสภาพผิวที่เสียหายจากการถูกทำลายโดยแสงแดด Shea Butter : ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ทำให้ผิวนุ่มนวลโดยไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง ปกป้องผิวจากการทำลายของรังสี UV ช่วยไม่ให้เกิดริ้วรอยแห่งวัย ฟื้นฟูสภาพผิวให้แลดูสดใสเปล่งปลั่ง

📲สอบถามและสั่งซื้อได้ที่📱
  • FB : https://www.facebook.com/lyonesseth
  • Inbox : https://www.facebook.com/messages/lyonesseth
  • Line@ : @lyonesse
  • Ig : lyonesse_official

วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ฝ้า กระ จุดด่างดำ.. เตรียมบอกลาไปได้เลย!!! พร้อมเผยผิวหน้าขาวกระจ่างใส

นอกจากเรื่องสิวๆแล้ว อีกหนึ่งปัญหาผิวที่เป็นกันมากในเมืองร้อน ได้แก่ ฝ้า กระ และจุดด่างดำ อันเนื่องจากมาจากสภาพอากาศ รวมทั้งมลภาวะรอบๆตัว ที่ทำให้ผิวสะสมสารพิษไว้มากๆ แล้วเกิดเป็นปัญหาผิวขึ้นในที่สุด แม้ว่าปัญหาฝ้า กระ จะป้องกันได้ด้วยการใช้กันแดดปกป้องผิว แต่คนส่วนใหญ่มักละเลย ไม่ค่อยใส่ใจในการป้องกัน เมื่อเกิดเป็นปัญหาแล้วจึงค่อยหันมาหาวิธีลดฝ้า กระ จุดด่างดำเอาทีหลัง

วิธีลดฝ้า กระ จุดด่างดำ

ปัญหา ฝ้า กระ จุดด่างดำ บนใบหน้า เป็นศัตรูอันร้ายกาจสำหรับผิวหน้า และมีแสงแดดเป็นหัวหน้าหลักในการทำลายผิวพรรณที่ขาวใส ก่อนอื่นเรามาดูกันว่า ฝ้า กระ และจุดด่างดำมีลักษณะเป็นอย่างไรบ้าง

  • กระ มีหลายประเภท เช่น กระแดด กระตื้น กระลึก กระเนื้อ การเกิดขึ้นของกระบนใบหน้านั้น คงไม่ใช่สิ่งที่พึงประสงค์นักสำหรับหลายคน ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดกระ มักจะเป็นเพราะการที่ผิวหนังถูกแสงแดดสะสมอยู่เป็นประจำ
  • ฝ้า ส่วนใหญ่มักจะมีทั้ง 2 ชนิดร่วมกัน ฝ้าชั้นตื้นจะให้ผลการรักษาได้ดีกว่าฝ้าชั้นลึกมาก ในฝ้าชั้นลึกยังไม่เคยเห็นใครรักษาให้ขาวได้ทั้งหมด ฝ้าเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน และการถูกรังสียูวี และฝ้าอาจเกิดขึ้นเมื่อมีการตั้งครรภ์หรือใช้ยาคุมกำเนิด หรือยาชนิดอื่น ๆ ที่มีผลกระทบต่อฮอร์โมน ซึ่งฝ้าที่เกิดจากกรณีหลังนี้จะค่อย ๆ จางหายไปเอง เมื่อคลอดบุตรหรือหยุดใช้ยาชั่วคราว
  • จุดด่างดำ คือการเพิ่มขึ้นของการผลิตเม็ดสีในเฉพาะจุด โดยทั่วไปแล้วมีมากมายหลายสีด้วยกัน โดยสีผิวเข้มขึ้นที่ว่านี้ไม่ได้เจาะจงไปถึงสีใดสีหนึ่ง แต่หมายความถึงการที่มีสีผิวที่เข้มกว่าสีผิวปกติ ซึ่งมีสาเหตุมาจากรังสียูวีเอ/ยูวีบี ร่องรอยการเกิดสิว และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
สาเหตุของการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ

สาเหตุของฝ้า กระ และจุดด่างดำนั้นมีหลายปัจจัยประกอบเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพันธุกรรม แสงแดด ฮอร์โมน และยากินบางประเภท ในโรคระบบภายใน เช่น โรคไทรอยด์ โรคตับ เป็นต้น แต่ความเครียดก็มีผลทำให้เม็ดสีที่มีอยู่แล้วเข้มขึ้นได้ ดังคำโบราณที่ว่า “หน้าดำคร่ำเครียด” นั้นเอง ที่เห็นว่าจะเป็นเรื่องจริง ดังนั้น เมื่อเกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้น ก็จะทำให้มีการสร้างเม็ดสีเมลานิน ซึ่งปัญหาที่เราพบได้บ่อย ได้แก่ ฝ้า กระ จุดด่างดำ จากแสงแดดหรือเกิดจากสิว

ดังนั้น การพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ผิวถูแสงแดดให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าจำเป็นที่จะต้องออกไปข้างนอกในตอนกลางวัน ก็ควรที่จะทาครีมกันแดด และสวมใส่เสื้อผ้าที่มิดชิดเพื่อช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดให้มากที่สุด

แต่ก็อย่าเพิ่งตกใจไป!! ฝ้า กระ จุดด่างดำ เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ต้องหาทางแก้ไขกันไป จะได้ไม่ต้องทนอยู่กับปัญหาผิวอย่างฝ้า กระ จุดด่างดำไปนานๆ หรืออาจทวีความรุนแรงขึ้นหากไม่ได้รับการรักษา วันนี้ได้หยิบเอา วิธีลดฝ้า กระ จุดด่างดำ แบบธรรมชาติมาให้ได้ลองนำไปใช้กัน

มีสมุนไพรจากธรรมชาติอะไรบ้างที่จะช่วยรักษาฝ้า กระ และจุดด่างดำ ?

การรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ แบบธรรมชาติ


  1. มะนาว ให้ใช้มะนาวที่มีกันอยู่ในครัวนี้ จำนวน 2-3 ลูก แล้วหั่นเอาแต่น้ำ จากนั้นใช้นิ้วแตะน้ำมะนาวสด ทาวนลงไปที่กระ จะส่งผลให้กระค่อยๆหลุดลอกออกไปอย่างง่ายดาย เพราะน้ำมะนาวมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ที่ทำให้การผลัดเซลล์ผิวเป็นไปได้อย่างอ่อนโยน และไม่ระคายผิวจนเกินไป ช่วยลดฝ้า กระ จุดด่างดําได้ ควรใช้วิธีนี้เป็นประจำเพื่อให้ปัญหาผิวแลดูจางลง อย่างไรก็ดี เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการแก้ปัญหาฝ้า กระ ควรใช้น้ำผึ้งที่มีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้นกับผิวพรรณมาผสมด้วย โดยให้นำน้ำผึ้งผสมกับน้ำมะนาว ทาลงบนใบหน้า แต่ต้องระวังในผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย หากรู้สึกแสบหน้าจนแดงควรหลีกเลี่ยงวิธีนี้
  2. แตงกวา มีสรรพคุณที่ช่วยในการลดฝ้า กระ จุดด่างดําให้จางลงได้ ยิ่งถ้าอยากให้ได้ผลเร็ว ควรทำการคั้นเอาน้ำแตงกวา 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำผึ้งและน้ำมะนาวอย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ ทาบนหน้าทิ้งไว้ประมาน 20 นาทีจึงล้างออก แตงกวาจะทำให้ผิวหน้าของเราเนียนนุ่มขึ้น ที่สำคัญทำให้ฝ้า กระ จุดด่างดำจางลงอย่างเห็นได้ชัด

  3. ว่านหางจระเข้ วิธีนี้ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากช่วยลดฝ้า กระ จุดด่างดําได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้ฝานเอาเฉพาะเจลว่านหางจระเข้ บีบน้ำออกมาประมาณเท่าเม็ดถั่วเขียว แต้มและนวดบริเวณที่เป็นปัญหา วันละ 2 เวลา แต่ถ้าที่บ้านมีการปลูกต้นว่านหางจระเข้อยู่แล้ว ให้ตัดเอาส่วนวุ้นมาปั่นให้ละเอียด แล้วนำมาแต้มบริเวณที่เป็นฝ้า กระ หรือจุดด่างดำ จะช่วยแก้ปัญหาได้เป็นอย่างดี
  4. หอมแดง การใช้หอมแดงเป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดที่ช่วยลดผิวที่ดำคล้ำ แก้ปัญหาฝ้า กระ และจุดด่างดำได้ วิธีการง่ายๆคือให้ฝานหอมออกเป็นแว่นๆ และถูลงไปบนหน้าบริเวณที่เป็นปัญหา มีรอยดำ รอยแดง ฝ้า และกระ หรืออาจใช้วิธีทุบแล้วบีบน้ำออกมาและทาตรงผิวก็ได้ โดยให้ทาทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีจึงล้างออก ถ้าหากมีอาการแสบคันผิวหน้ามาก แสดงว่าอาจมีอาการแพ้ ให้รีบล้างออกทันที

สำหรับวิธีลดฝ้า กระ จุดด่างดำแบบธรรมชาติ ในการนำไปใช้ต้องทำอย่างระมัดระวัง เนื่องจากสภาพผิวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอาจมีผิวที่แพ้ง่าย ดังนั้น อีกตัวช่วยหนึ่งที่จะทำให้ผิวหน้าของคุณกลับมาสวยสุขภาพดีอีกครั้ง ก็คือการผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอย่างอ่อนโยน ไม่ทำร้ายผิว แม้จะเป็นผิวแพ้ง่าย ขอแนะนำให้ใช้ ครีม Lyonesse Whitening Cream Gel : ครีมบำรุงผิวหน้า ช่วยให้ผิวหน้าขาวใส ช่วยปกป้องผิวจากความหมองคล้ำ ลดเลือนจุดด่างดำ ซึ่งมีส่วนผสมของ Cinderella Care : สารสกัดจากต้นไทม์ป่า (Wild Thyme) ช่วยเพิ่มความกระจ่างใสให้แก่ผิว ช่วยลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำ เผยผิวขาว ดูกระจ่างใส และมีสุขภาพดี ทำให้ผิวหน้าแลดูขาวเปล่งปลั่งอย่างเห็นได้ชัด พร้อมด้วย Mulberry Extract : สารสกัดจากหม่อน ที่มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความหมองคล้ำและลดเลือนจุดด่างดำ รวมทั้งรอยสิว ฝ้าและกระ ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ทำให้ผิวหน้าดูขาว กระจ่างใส และ Aloe Vera : สารสกัดจากว่านหางจระเข้ ช่วยลดอาการอักเสบของผิว ช่วยกระชับรูขุมขน ลดเลือนจุดด่างดำ ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังและกระตุ้นการสร้างสารคลอลาเจน สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.lyonesse.cc


ฝ้า กระ จุดด่างดำก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เมื่อคุณได้รู้จักกับ ครีม Lyonesse Whitening Cream Gel ที่จะช่วยปกป้องผิวหน้าของคุณ จากปัญหาความหมองคล้ำ จุดด่างดำ ฝ้า กระ และริ้วรอยได้อย่างตรงจุด ทำให้คุณเผยผิวหน้าที่ขาวใส ไร้รอยฝ้า กระ จุดด่างดำ จนคุณสัมผัสได้ถึงความเนียนนุ่มของผิว ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้

วันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ส่องวิธีกำจัดสิวอุตตัน ที่ได้ผลอย่างแน่นอน...

วิธีรักษาสิว

“สิว” เป็นเพียงคำสั้นๆ ที่มีพลังทำลายล้างร้ายแรงเอาซะมากๆ เพราะสิวทำให้ความมั่นใจหดหายได้ และสิวอุดตันคือสิวที่พบได้บ่อยมากๆ ในทุกช่วงอายุ ทุกเพศ แต่โดยส่วนใหญ่สิวอุดตันจะปรากฎกายในกลุ่มวัยรุ่นมากที่สุด เพราะเป็นช่วงเวลาที่ฮอร์โมนของคนเหล่านั้นกำลังว้าวุ่นอยู่ในกระบวนการเปลี่ยนแปลง โดยเพศหญิงจะพบปะสังสรรค์กับสิวก่อนใครเพื่อน และต่อด้วยเพศชายตามลำดับ ความร้ายแรงของสิวจะทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงผลัดเปลี่ยนฮอร์โมนอีกครั้งจึงค่อยๆ จางหายไป สิวสำหรับบางคนเชื่อว่าเป็นเรื่องธรรมดาและธรรมชาติที่ร่างกายจะตอบสนองต่อฮอร์โมนที่กำลังกระตุ้นให้เกิด บางคนเจอฝุ่นควันเล็กน้อยสิวตัวร้ายก็ยกขบวนกันมาอาศัยอยู่บนใบหน้า แต่บางคนใช้ชีวิตง่ายๆ ตากแดดหน้าดำลุยควันผ่าฝุ่นก็ไม่มีแม้แต่สิวสักเม็ดที่จะโผล่ขึ้นมาให้เห็น เอาล่ะ มาดูกันเถอะว่ามีวิธีใดบ้างที่จะช่วยกำจัดสิวอุดตัน

ประการที่หนึ่ง : เปลี่ยนแปลงที่ตัวเอง


  • จับ ลูบ แคะ แกะ เกา เป็นลักษณะนิสัยที่ควรเลิกทำ อย่าลืมว่าในแต่ละวันมือของเราสัมผัสอะไรมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น ควัน มลพิษ และของสกปรกต่างๆ หากไม่ได้ล้างมือและสัมผัสหน้าบ่อยๆ แบคทีเรียจะได้ทีในการอพยพมาสร้างสิวอุดตันบนใบหน้าของเรา หรือพฤติกรรมอะไรก็ตามที่เป็นการรบกวนใบหน้า เช่น การนั่งเท้าคาง เอาสมาร์ทโฟนแนบหน้าในขณะคุยอย่างออกรส ทางที่ดีเลิกพฤติกรรมเหล่านี้ซะ
  • ความมันบนใบหน้าเป็นแหล่งเพาะสิวอุดตันชั้นดี เมื่อต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมาจนเกิดความมันบนใบหน้า แล้วเราก็ไม่สนใจใยดีปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้น น้ำมันที่เกาะอยู่ทั่วใบหน้าก็จะตันอยู่ในรูขุมขน พออาศัยอยู่นานๆ ก็จะไปผสมโรงกับเซลล์ที่ตายแล้ว ทีนี้สิวอุดตันจึงถือกำเนิดขึ้นมา นอกเหนือความมันบนใบหน้าแล้ว ความเครียดก็เหมือนกันเพราะร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลออกมา ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้จะกระตุ้นต่อมไขมันให้ผลิตไขมันออกมามากยิ่งกว่าเดิม
ประการที่สอง : ธรรมชาติบำบัด

นอกจากจะรู้จักเปลี่ยนแปลงนิสัยในชีวิตประจำวันแล้ว อีกหนึ่งตัวช่วยขจัดสิวอุดตันคงหนีไม่พ้นผัก ผลไม้ หรืออาหารที่อยู่รอบตัวเรา ไม่เพียงมีประโยชน์ต่อร่างกายแต่ยังมีประโยชน์ในการทำลายปาร์ตี้สิวอีกด้วย เพราะผักและผลไม้บางชนิดมีฤทธิ์ในการยับยั้งฤทธิ์ของสิว ซึ่งเป็นวิธีที่น่าสนใจไม่น้อย


  • มะเขือเทศ อุดมไปวิตามินเอและวิตามิซีที่ช่วยเสริมสร้างผิวให้มีสุขภาพดี แถมยังกำจัดน้ำมันส่วนเกินและทำให้รูขุมขนเล็กลงอีกด้วย เพียงฝานมะเขือเทศเป็นวงๆ ถูให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที และล้างออกด้วยน้ำสะอาด เพียงแค่นี้สิวอุดตันก็จะยุบตัวลง
  • หอมแดง สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว นำหอมแดงมาหั่นบางๆ เป็นแว่น ทุบให้รู้สึกว่ามีน้ำหอมแดงออกมา จากนั้นก็นำมาแต้มบริเวณที่มีสิวอุดตัน ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที เอาหอมแดงออกและล้างหน้าให้สะอาด หลีกเลี่ยงการทาบริเวณรอบๆ ตา เพราะว่าระหว่างรอให้ครบ 10 นาทีอาจจะแสบตาได้
  • น้ำผึ้ง เป็นอีกหนึ่งสมุนไพรที่รักษาสิวอุดตัน เพราะมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียนบนผิวหนังที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว และยังช่วยบำรุงให้ผิวชุ่มชื้นขึ้นอีกด้วย วิธีการกำราบสิวอุดตันแค่นำน้ำผึ้งมาพอกหน้าประมาณสัปดาห์ละ 4 ครั้ง (แต่อย่าลืมที่จะล้างมือให้สะอาดก่อนนะ) เพราะเราจะทำการนวดไปเรื่อยๆ สัก 3 นาทีให้ผิวหน้ารู้สึกผ่อนคลายไปด้วย
  • แตงกวา พืชผักที่ได้รับความนิยมมารับประทานกันนี่แหละ นอกจากจะเป็นแกล้มให้กับอาหารต่างๆ ยังนำมารักษาสิวอุดตันได้อีกด้วย ขั้นแรกปอกเปลือกแตงกวา สับเป็นชิ้นให้ละเอียดและนำไปแช่ตู้เย็น เมื่อแตงกวาเย็นได้ที่นำมาพอกหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที เมื่อครบกำหนดจึงล้างหน้าให้สะอาด ไม่เพียงสิวอุดตันจะหายไป รูขุมขนจะกระชับขึ้นและหน้ายังใสกว่าเดิม

จะเห็นได้ว่าสิวอุดตันเป็นบ่อเกิดของสิวอื่นๆ ที่จะตามมาอีกเป็นกระบวน นอกจากจะเปลี่ยนนิสัยตัวเองในชีวิตประจำวันแล้ว การหมั่นทำธรรมชาติบำบัดแม้จะหายช้าไปสักหน่อยแต่ถ้าทำบ่อยๆ ก็จะค่อยๆ จางลงและโบกมือลาจากไป ประหยัดเงินในกระเป๋ายังไม่พอ ยังปลอดภัยไร้สารเคมีอีกด้วยนะ

วันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

วิธีรักษาสิว กับ 7 ข้อควรระวัง สาวๆต้องรู้ไว้ถ้าอยากสิวหาย

วิธีรักษาสิว นั้นมีหลากหลายทางเลือก ทั้งหาหมอ ทายา ยิงเลเซอร์ พอกหน้า แต่เอ…ทำไมสิวเราถึงไม่หายขาดสักทีนะ เพราะคุณลืมข้อควรระวัง 7 อย่างที่เรานำมาบอกวันนี้หรือเปล่า ถ้าอยากรู้ว่ามีอะไรบ้างนั้น มาดูกันเลยค่ะ

วิธีรักษาสิว

1. หลีกเลี่ยงเอามือสัมผัสกับใบหน้า

สาว ๆ ทุกคนรู้ข้อนี้เป็นอย่างดีว่ามือของเรานั้นเต็มไปด้วยเชื้อโรคและแบคทีเรีย ไม่ควรนำมาสัมผัสใบหน้าเพราะอาจทำให้เกิดสิวได้ แต่ก็ยังแอบเผลอไผลในบางครั้ง แหม… อากาศบ้านเราร้อนซะขนาดนี้ก็ต้องมีเช็ดเหงื่อหรือคันใบหน้ากันบ้าง ถ้าหากอยากสัมผัสใบหน้าจริง ๆ ควรล้างมือให้สะอาดเสียก่อน หรือไม่ก็หาทิชชูมาซับดีกว่านะคะ

2. เลือกใช้ยารักษาสิวให้เหมาะกับตัวเอง

ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์รักษาสิวต่าง ๆ มากมาย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นกลุ่มยาชนิด benzoyl peroxide เพราะมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิว อีกทั้งยังช่วยลดการเกิดสิวต่าง ๆ ทว่าข้อเสียของมันคือไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย เพราะเจ้าตัวยาชนิดนี้จะสร้างความระคายเคืองให้กับผิวหน้าของเรา เมื่อใช้แล้วอาจทำให้เกิดผิวลอก ผิวแดง รู้สึกคันยิบ ๆ ที่ใบหน้า และหากใช้ไปนาน ๆ ก็จะทำให้ผิวหน้าของเราบางลงค่ะ ดังนั้นหากใครที่ยังไม่เคยใช้แนะนำว่าให้เลือกแบบ benzoyl peroxide 2.5 % จะเหมาะที่สุดค่ะ


3. บ๊ายบายอาหารทะเล

สำหรับผู้ชื่นชอบทานปู หมึก กุ้ง หอย เราขอแนะนำว่าให้งดอาหารจำพวกนี้เสียก่อน เพราะในอาหารทะเลนั้นมีธาตุไอโอดีนสูง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว หากเรายิ่งไปกินก็จะยิ่งเป็นการกระตุ้นให้เกิดสิวใหม่ขึ้นมา ถ้าอยากกินจริง ๆ รอให้สิวหายก่อนดีกว่าเนอะ

4. ไม่บีบสิวเอง

การกดสิวหรือบีบสิวเองด้วยวิธีที่ผิดอาจก่อให้เกิดหลุมบนใบหน้าและแผลเป็นตามมาได้ ซึ่งหลุมสิวนี้ขอบอกเลยว่ารักษายากกว่าสิวอีกค่ะ แต่การจะทำให้สิวหายไปเราก็ต้องนำหัวสิวออกมา ดังนั้นจึงควรให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญลงมือกดให้นะคะ ไม่ควรทำเองที่บ้าน เพราะต่อให้สิวหายแล้วแต่ยังเหลือร่องรอยอารยธรรมอาจทำให้เราเครียดมากกว่าเดิมอีกก็ได้

5. อย่าลืมทำความสะอาดสมาร์ทโฟนบ่อย ๆ

เอ๊ะ โทรศัพท์ของเรามาเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ ทำไมถึงต้องทำความสะอาดมันด้วย ? ขอตอบเลยค่ะว่าเกี่ยวอย่างมาก เพราะเวลาที่รับโทรศัพท์เราจะต้องนำมาแนบแก้มของเรา ซึ่งหน้าจอทัชสกรีนนี่แหละที่เป็นแหล่งเชื้อโรค ทั้งนิ้วของเราที่จิ้ม ๆ มันหรือหากวางไว้เฉย ๆ ก็มีเชื้อโรคมาเกาะได้ ดังนั้นสาว ๆ จึงควรเช็ดหน้าจอโทรศัพท์เสียบ้างเพื่อป้องกันไม่ให้สิวขึ้นบนใบหน้าของเราอีกนะคะ


6. งดสูบบุหรี่

การสูบบุหรี่นอกจากจะทำให้เกิดโรคต่าง ๆ แล้ว ยังมีผลเสียต่อผิวหนังของเราอย่างมาก เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้ง่ายเพราะไม่ได้รับออกซิเจนที่เพียงพอ อีกทั้งยังทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดเป็นสิวขึ้นมา รู้แบบนี้แล้วถ้าอยากมีผิวสวยก็ควรงดสูบบุหรี่นะคะ

7. อย่าหลงเชื่อคำโฆษณาผิด ๆ

บรรดาพ่อค้าแม่ค้าในโลกโซเชียลผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด เพราะรายได้ดีจากการขายครีมกระปุกหรือครีมกวนเองให้กับสาว ๆ ซึ่งครีมพวกนี้มีต้นทุนถูกเนื่องจากผลิตโดยโรงงานที่ไม่ได้มาตรฐาน ส่วนคำโฆษณาเกินจริงที่ว่า สิวหายเร็ว ขาวไว ภายใน 3 วัน 7 วันนั้นอาจเป็นเพราะผสมสารอันตรายอย่างเช่น สเตียรอยด์ ต้องขอบอกเลยค่ะว่าสารนี้อันตรายมาก หากใช้ไปนาน ๆ จะทำให้ผิวหน้าเราติดสารชนิดนี้ได้ และหากหยุดใช้จากหน้าสวยกลายเป็นหน้าพังแน่นอนค่ะ